วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

- อ่านหนังสือธรรมะ นำไอที แล้วชีวิตจะเจอแต่สิ่งดี ๆ

ให้นักศึกษาเลือกอ่านหนังสือธรรมะคนละอย่างน้อย 1 เล่มดังต่อไปนี้

.......... 1.มหัศจรรย์แห่งรัก โดย ว.วชิรเมธี
.......... 2.มองลึก นึกไกล ใจกว้าง โดย ว.วชิรเมธี
.......... 3.ธรรมมะสบายใจ โดย ว.วชิรเมธี
.......... 4.ธรรมะดับร้อน โดย ว.วชิรเมธี
.......... 5.คิดถูก โปร่งใส ใจสูง โดย ว.วชิรเมธี

จากนั้นให้สรุปประมาณ 1 หน้ากระดาษในเรื่องที่อ่านลงบล็อกอาจารย์
และให้บอกสิ่งที่ได้จากการอ่าน (ประมาณ ครึ่งหน้า)
ให้สรุปส่งภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2553 เวลา 12.00 น.

30 ความคิดเห็น:

  1. นางสาวกิติยาภรณ์ พรมพิมพ์ สสท.2/1 เลขที่ 3

    สรุป หนังสือเรื่อง คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

    คิดถูก คือ มนุษย์มีทางเลือกเสมอ ทุกคนมีสองทางเลือกเสมอ ใครก็ตามที่บอกว่าชีวิตนี้มีทางเดียว คนอย่างนี้เวลาเจอปัญหาฆ่าตัวตายอย่างเดียว แท้ที่จริงชีวิตมนุษย์นั้นมีสองทาง ดังเช่น พระพุทธเจ้าทดลองมาหกปีล้มเหลวทุกครั้ง พระองค์ก็ไม่ได้ฆ่าตัวตาย และไม่ได้กลับไปเสวยราชย์ต่อพระองค์คิดว่าทางนี้ไม่ใช่ มันก็น่าจะมีทางอื่น หลังจากทรงอดพระกระยาหาร จึงหันมาเสวยพระกระยาหารเหมือนดังเดิม

    โปร่งใส ก็คือสุจริตปราศจากคอร์รัปชั่น คือสิ่งที่สังคมไทยกำลังขาดอยู่ในเวลานี้ ทุกท่านทุกคนนับว่าเป็นองคาพยพส่วนหนึ่งของสังคมไทย อย่าลืมว่าท่านหาเงินทอง หาเกียรติภูมิชื่อเสียง สร้างเนื้อสร้างตัว มีครองครัวที่มั่นคงแล้ว อย่าลืมหาชีวิตที่โปร่งใสเอาไว้ให้ตัวเองด้วย

    ใจสูง เราทุกคนต้องคิดถึงประโยชน์ส่วนตัว ถ้าส่วนรวมอยู่ได้ ส่วนตัวก็อยู่ดี แต่ถ้าส่วนตัวอยู่ดี แต่ส่วนรวมอยู่ไม่ได้ ทั้งส่วนรวมและส่วนตัว ก็จะพังทลายลงไปพร้อม ๆ กัน นี้คือ คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

    "ความคิด" ก็คือสภาวธรรมอย่างหนึ่งในขันธ์ห้า ภาษาธรรมเรียกว่า "สังขาร" แปลตามภาษาวัดว่าการปรุงแต่ง คือการปรุงแต่งทางจิตใจ แปลให้เห็นเป็นภาษาร่วมสมัย "ความคิด" ความคิดสำคัญเพียงใด พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ว่าความคิดนี้เป็นนายของสรรพสิ่ง ซึ่งมีพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า "มโนปพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา แปลว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจสำคัญที่สุด ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ
    ใจในที่นี้คือ ความคิด สำคัญที่สุด หากว่าเราคิดดี หรือมีใจผ่องแผ้ว การพูดการกระทำก็จะดีตาม เสมือนเงาตามตัว คนเราถ้าคิดชั่ว การพูดการกระทำของเราก็จะชั่วตาม เหมือนกับล้อเกวียน หมุนเวียนตามรอยเท้าโค นี่คืออิทธิพลของความคิด
    หากเราคิดดีมีจิตผ่องใส การพูดของเราก็ดี การกระทำของเราก็ดี ผลจากการคิดดี พูดี ทำดีนั้น ความสุขก็ติดตามตัวเราเป็นเงาติดตามตนไปทุกหนทุกแห่ง ในทางกลับกันหากเราคิดชั่วก็จะพูดชั่วและทำชั่ว เพราะผลแห่งการคิดชั่ว และทำชั่ว ทุกข์ก็จะติดตามเราดังหนึ่งล้อเกวียนหมุนเวียนตามเรอยเท้าโค นี่คือบทพิสูจน์ว่า จิตหรือความคิด เป็นนายของทุกสิ่งทุกอย่างเพราะความคิดหรือจิตนี้เป็นผู้กำหนดสรรพสิ่ง


    วิเคราะห์
    หนังสือเรื่อง คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

    มนุษย์ทุกคนอาจคิดเหมือนกัน หรือไม่เหมือนกัน บางคนอยู่มาจนถึงตอนนี้อาจจะไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าคิดอย่างไร เราอยู่กับบางสิ่งบางอย่างมาทั้งชีวิต แตบางทีเราก็ไม่รู้จักมัน
    "ใจ" คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หากว่าเราคิดดีหรือมีใจผ่องแผ้ว การพูดการกระทำก็จะดีตามเสมือนเงาตามตัว คนเราถ้าคิดชั่ว การพูดการกระทำของเราก็จะชั่วตาม นี่คือ อิทธิพลของความคิด
    เราทุกคนต้องคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตัว ถ้าส่วนรวมอยู่ได้ ส่วนตัวก็จะอยู่ดี แต่ถ้าหากว่าส่วนตัวอยู่ดี แต่ส่วนรวมนั้นอยู่ไม่ได้ ทั้งส่วนรวมและส่วนตัวนั้นก็จะพังทลายลงไปพร้อม ๆ กัน นีแหละคือ
    "คิดถูก โปร่งใส ใจสูง"
    ดังนั้นการคิดดี คือการมองโลกในแง่ดี การคิดชั่ว คือ การมองโลกในแง่ร้าย ซึ่งการมองโลกในแง่ร้ายนั้นจะทำให้เรามีแต่ความทุกข์ แต่ในทางกลับกัน การมองโลกในแง่ดี ก็จะทำให้เรามีแต่ความสุข ความเจริญ และมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต
    สาธุ สาธุ สาธุ......

    ตอบลบ
  2. นายวินัย ภูบุญอบ สสท.2/1 เลขที่ 31


    สรุปเรื่อง "คิดถูก โปร่งใส ใจสูง"
    หนังสือ "คิดถูก โปร่งใส ใจสูง" เป็นวิธีคิดอีกชุดหนึ่ง ที่ผู้เขียนอยากนำเสนอสู่สังคมไทยเพื่อชี้ให้เห็นว่า โลกและชีวิตของคนเรานั้้นจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับความคิดเปรียบเสมือนแสงดาวประจำทิศของนักเดินเรือ เราตั้งเข็มทิศความคิดอย่างไรชีวิตของเรานั้นจะเดินไปอย่างนั้นถ้าหากเราคิดผิดทั้งชีวิตผิดหมด ถ้าหากเราคิดถูกทั้งชีวิตถูกหมดชีวิตของเรานั้นจะรุ่งโรจน์หรือร่วงโรยตัดสินกันที่ความคิด คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของตัวเองจนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้แต่ถ้าหากว่าคนคนหนึ่งไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิดของตัวเองก็สามารถทำให้โลกทั้งโลกล่มสลายได้เช่นกัน
    ฉะนั้นความคิดถูกจึงเป็นปัจจัยสำคัญของการประสบความสำเร็จในชีวิตของคนเรา สังคมไทยของเราตอนนี้กำลังมีปัญหาเรื่องวิธีคิด คือ คิดไม่ค่อยถูกวิธีคิดของคนไทำยนั้นบางทีค่อนข้างผิวเผิน เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงล้วนวางรากฐาานอยู่บนการเปลี่ยนแปลงทาง
    "ความคิด" ก่อนทั้งนั้นหากเราเปลี่ยนทุกอย่างยกเว้น"วิธีคิด"ก็เป็นอันเชื่อได้เลยว่าสิ่งใหม่ ๆ จะยังไม่เกิดขึ้นในชีวิตหากไม่เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตก็ไม่เปลี่ยน
    ใจในที่นี้คือความคิดสำคัญทีสุด หากว่าเราคิดดี หรือมีใจผ่องแผ้วการพูดการกระทำก็จะดีตามเสมือนเงาตามตัวคนเราถ้าคิดชั่ว การพูดการกระทำก็ชั่วตามเหมือนกับล้อเกวียนหมุนเวียนตามรอยเท้าโคหากเราคิดดีมีจิตใจผ่องใสการพูดของเราก็ดี การกระทำของเราก็ดีผลจากการคิดดี พูดดี ทำดีนั้น ความสุขก็ติดตามตัวเราเป็นเงาติดตามเราไปทุกหนทุกแห่ง หากเราคิดชั่วก็จะพูดชั่วและทำชั่วเพราะผลแห่งการคิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่วนั้น ทุกข์ก็จะติดตามตัวเราดังหนึ่งล้อเกวียนจิตหรือความคิด เป็นนายของทุกสิ่งทุกอย่างเพราะความคิดหรือจิตใจนี้เป็นผู้กำหนดสรรพสิ่ง แต่ถ้าหากเราพยายามที่จะเรียนรู้ที่จะคิดเราก็จะประสบผลสำเร็จในชีวิตของเราได้
    หนังสือ "คิดถูก โปร่งใส ใจสูง"เป็นหนังสือที่ให้ทั้งความรู้ของการเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนชีวิตของประชาชนชาวไทยและคนทั้งโลกได้
    ถ้าเราคิดดี ทำดี สาธุ สาธุ...


    "วิเคราะห์"
    โลกและชีวิตของคนเรานั้นจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับความคิด ถ้าเราคิดเป็น คิดถูก คิดดี คิดมีประโยชน์เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่ดีได้และทำให้คนข้าง ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ ตัวเราพลอยคิดถูกคิดดีตามไปด้วยแต่ถ้าเมื่อใดที่เราคิดผิดแม้เพียงคนเดียวคนอีกมากมายก็หลงผิดตามไปด้วย และเมื่อความคิดผิด ๆ แผ่ขยายออกไปแล้วสุดท้ายเราคงไม่ต่างจากชาวรวันดาที่มวลประชาเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน เพราะถูกโฆษณาชวนเชื่อให้เกลียดชังฝ่ายตรงข้าม
    หนังสือ "คิดถูก โปร่งใส ใจสูง"เป็นวิธีคิดอีกชุดหนึ่งที่ผู้เขียนอยากนำมาเสนอสู่สังคมไทยเพื่อชี้ให้เห็นว่า หลังจากเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมาหมดแล้วหากเราลองเปลี่ยนวิธีคิดดูสังคมไทยของเราจะมีโฉมหน้าเป็นอย่างไร เมืองไทยของเราเป็นเมืองที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมอุดมสมบรูณ์มากที่สุดในโลก แต่แล้วบ้านเมืองกับเติมไปด้วยปัญหาเดิม ๆ ใช่หรือไม่ว่าที่ผ่านมาเราพยายามเปลี่ยนทุกอย่างแต่เราไม่เคยเรียนรู้ที่จะเปลี่ยน
    "วิธีคิด"ของคนไทยในสังคมเราน่าจะลองหาวิธีทำให้คนไทยเปลี่ยนวิธีคิดคิดดูเผื่อบางทีอะไร ๆ ในบ้านเมืองของเราคงจะดีขึ้นมาบ้าง

    "คิดถูกชีวิตถูก คิดผิดชีวิตผิด คนหนึ่งคนที่คิดถูกทำให้โลกทั้งโลกเดินถูกทางได้ คนหนึ่งคนที่คิดผิดทำให้โลกทั้งโลกเดินผิดทางได้"

    ตอบลบ
  3. นางสาววิภาดา อรรคฮาต

    สรุป หนังสือเรื่อง " ธรรมะสบายใจ"
    "ความสุขอยู่ที่ใจ" แต่คนส่วนใหญ่ไปแสวงหาความสุขที่อื่นและมักคิดว่าความ "มี " มีความสุขมากกว่าความ "ไร้" การได้"เป็น"คนมีชื่อเสียงมีความสุขมากว่าการเป็นคน"สามัญ"แสนธรรมดา แต่อีกแง่หนึ่งคือ ความสุขที่ไม่หวังสิ่งใดนั้นก็เป็นความสุขเช่นกันการที่เราจะมีความสุขอีกอย่างหนึ่งนั้นเราจะต้องมีจิตใจที่ใสสะอาดใช้ชีวิตอยู่กับคุณค่าที่แท้จริงและรู้ทันดลกธรรม บำเพ็ญจิตภาวนาอยู่เสมอ มีสติที่ทันต่อเหตุการณ์ของโลกไม่เอาทุกข์ทับถมคนท่ี่ไม่มีทุกข์ไม่สละความสุขที่ชอบธรรม ไม่หมกมุ่นในความสุขที่ชอบะรรมนั้นเพียรพยายามกำจัดเหตุทุกข์ให้สิ้นไปและถ้าหากฝึกได้ถึงขั้น "รู้ทัน" เมื่อไรทันทีที่"เห็นทุกข์" ก็จะ"เห็นธรรม"ตามอย่างฉับพลันอันใจที่รู้ทันธรรมรู้ทันทุกข์นั้นจะเป็นใจที่เบิกบานและเป็นสุขอย่างชนิดทันตาเห็นของดีๆอย่างนี้ไม่แน่นำให้เชื่อแต่แนะนำให้ทดสอบปฎิบัติด้วยตนเอง"อย่าถามชีวิตนี้ใครจะให้อะไรแก่เรา"ควร "ถามว่าชีวิตนี้เราจะให้อะไรแก่ใครบ้าง"เพราะความสุขนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราทำอย่างเต็มใจ "ความทุกข์" เป็นความจริงอย่างหนึ่งที่มีอยู่คู่กับโลกแต่ "ความสุข"ก็เป็นความจริงอีกอย่างหนึ่งที่เคียงคู่มากับความทุกข์ด้วยเช่นกัน เราต้องอยู่กับความจริงทิ้งความกังวล ฝึกให้ชิน คำกล่าวนี้ยังเป็นความสัตย์ที่ท้าท้ายให้เราก้าวเข้าไปพิสูจน์อยู่เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงใด "ความเชื่อ"หรือ "วิถีแห่งศรัทธา"เราเป็นอย่างนี้เราเชื่อ นี่แหละเบื้องหลังแห่งท่วงทำนองของการใช้ชีวิตของมนุษย์ในทุกสังคม"เชื่อผิด ชีวิตผิด"แต่ถ้า"เชื่อถูดกชีวิตก็ดีงาม"

    วิเคราะห์ หนังสือเรื่อง " ธรรมะสบายใจ"
    ธรรมะสบายใจทำให้เรารูว่าการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องแข่งขันกับเวลาแลใช้ชีวิตอย่างพอเพียงทำให้เราและครอบครัวมีความสุขมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้และสุดท้ายธรรมะสอนให้เรารู้ว่า " เกิดเป็นคนต้องทนให้เขาด่า"
    จะทำดีทำบ้าเขาด่าหมด
    ถ้าทำดีเขาก็ด่าว่าไม่คด
    ทำเลี้วยลดเขาก็ด่าว่าไม่ตรง

    ขอบคุณคะ

    ตอบลบ
  4. นางสาววรรณนิศา ทวะชาลี ชั้น สสท.2/1 เลขที่ 20

    สรุป เรื่อง ธรรมะดับร้อน

    หากพระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างง่ายดายโดยไม่มีพญามารมาผจญไฉนเลยความตรัสรู้ของพระองค์จะกลายเป็นปรีชาญาณอันสูงสุด ที่มวลมนุษยชาติต่างยอมค่อมคารวะให้อย่างซาบซึ้งมาทุกยุคทุกสมัย คนเราก็เช่นเดียวกันหากชีวิตมีแต่ความราบรื่น ปราศจากอุปสรรคคงยากจะมีรสชาดแห่งชีวิต ที่น่าจะจำรำลึกถึง ปราชญ์คนหนึ่งเคยกล่าวว่า "ชีวิตจะปราศจากรสชาติและหมดความหมายหากไม่มีอุปสรรคให้เราพิชิตและไม่มีศัตรูให้เราเอาชนะ"
    ดังบทความข้างต้นที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น แสดงให้เห็นถึงความเพียรพยายามในการบำเพ็ญกุศลและการเจริญภาวนาเพื่อที่จะพ้นทุกข์ เพื่อที่จะหาหนทางดับกิเลสให้ตนได้พ้นทุกข์ ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงคิดค้นหาแนวทางปรินิพานแต่กว่าจะสำเร็จในการปรินิพานได้นั้น พระองค์จะต้องเจออุปสรรคต่าง ๆ จากทั้งพญามาร ยักษ์ร้าย สัตว์ สาวแสนสวย มหาโจรองคุลีมาร พญานาค และเท้ามหาพรหม ต่างที่มีจิตใจที่คิดอกุศลแก่พระพุทธเจ้า ต่างก็หาหนทางในการขัดขวางการเจริญภาวนาของพระพุทธเจ้า แต่ด้วยทั้งความดีและบุญกุศลที่พระพุทธเจ้าได้สะสม ทั้งอดีตชาติและชาติปัจจุบันของพระพุทธเจ้ามีมากเหนือขนาเกินกว่าที่จะมีสิ่งใดมาขวางกั้นการเจริญภาวนาเพื่อปรินิพานของพระพุทธเจ้าได้

    วิเคราะห์
    โลกเราร้อนขึ้นทุกวันจะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม แต่ตอนนี้บ้านเมืองเราก็เปลี่ยนจากฤดูปรกติเป็นฤดูร้อน ที่รอนกว่าปรกติ และกลายเป็นฤดูที่ร้อนมากที่สุด เมื่อเราร้อนกายก็ยังพออาบน้ำให้เย็นสบายขึ้นได้บ้าง และเมื่อคอแห้งก็ยังพอหาน้ำเย็น ๆ มาดับความกระหายได้แต่ถ้าเราร้อนใจ ไม่ว่าเราจะหาวิธีแก้ยังไงก็ยากที่จะเยียวยาให้หายได้โดยเร็วได้ และเมื่อใจเรากระวนกระวายใจอยู่ไม่เป็นสุข หยุดความร้อนในใจไม่ได้แล้วเราก็จะต้องหาที่พึ่งทางใจ โดยการหันหน้าเข้ามาหาธรรมมะเพื่อที่จะธรรมมะจะช่วยเยียวยาและช่วยรักษาความสงบสุขให้กับคืนมาหาตัวเราได้
    ทุกคนที่ล้วนเกิดมาก็ต้องมีความทุกข์ ความสุข ความสบาย ความลำบาก ทุกคนล้วนต้องเจอมาแบบนั้น พระพุทธเจ้าเองสมัยที่ยังไม่ได้เสด็จออกผนวช พระองค์ก็ทรงผ่านความทุกข์และความสุขมามาก ต้องเจอกับไฟ คือความทุกข์อันเกิดจากราคะ โทศะ โมหะ และสำคัญที่สุดคือ อวิชชา คือความไม่รู้นั่นเอง
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ตอบลบ
  5. นายสุรศักดิ์ ละอองคำ สสท.2/1 เลขทื่ 33

    สรุป เรื่องธรรมะดับร้อน

    ฤทธิ์ใด ๆ บรรดามีในโลกเมื่อมาพบกับปัญญาฤทธิ์ หรือฤทธิ์แห่งปัญญาแล้วเป็นอันแพ้พ่ายไปสิ้น พระพุทธเจ้าท่านทรงเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ทรงมีปัญญาเป็นเอก มีการกระทำเป็นโท จึงสามารถปราบผู่มีฤทธิ์ได้ทุกถ้วนหน้า ฤทธิ์คือปัญญาที่ว่ายอดแห่งฤทธานุภาพของพระองค์นั้น ทำให้คนโง่ หายโง่ได้ ทำให้คำเลวกลายเป็นคนดีได้ ทำให้ปุถุชนกลายเป็นอารยชนได้ และทำให้มนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาตนเป็นพระพุทธเจ้าได้เช่นกัน
    อย่างในตอน ๆ หนึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวไว้ว่า อาฬวยักษ์ได้สั่งให้พระพุทธเจ้าลุกออกจากบัลลังก์ของอาฬวยักษ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงปฏิบัติตามทั้งสามครั้ง ครั้นอาฬวยักษ์ได้ใจก็สั่งให้พระองค์ปฏิบัติตามเป็นครั้งที่สี่ แต่ในครั้งนี้พรหะองค์มิยอมปฏิบัติตามคำสั่งอาฬวยักษ์ แต่อาฬวยักษ์ก็มิได้โกรธเคืองอันใด เพราะพระองค์ปฏิบัติตามคำสั่งของอาฬวยักษ์มามาก จึงทำให้อาฬวยักษ์ดีใจใหญ่ หัวเราะร่า จึงได้ท้าคำถามที่คิดว่ามิมีผู้ใดตอบได้ จึงได้ท้าพระพุทธเจ้าตอบคำถามให้ถูกต้อง แต่สุดท้ายอาฬวยักษ์ก็ต้องยอมพ่ายแพ้แกพระพุทธเจ้า

    วิเคราะห์
    โลกเราร้อนขึ้นทุกวันจะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม แต่ตอนนี้บ้านเมืองเราก็เปลี่ยนจากฤดูปรกติเป็นฤดูร้อน ที่รอนกว่าปรกติ และกลายเป็นฤดูที่ร้อนมากที่สุด เมื่อเราร้อนกายก็ยังพออาบน้ำให้เย็นสบายขึ้นได้บ้าง และเมื่อคอแห้งก็ยังพอหาน้ำเย็น ๆ มาดับความกระหายได้แต่ถ้าเราร้อนใจ ไม่ว่าเราจะหาวิธีแก้ยังไงก็ยากที่จะเยียวยาให้หายได้โดยเร็วได้ เมืองไทยโชคดีที่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง หากใครได้ศึกษาและนำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง เชื่อได้เลยว่าความทุกข์ลดลงแน่ หรือเพียงแค่ตรึกตรอง พิจารณาตามความทุกข์แล้วนั้น เราก็สามารถดับทุกข์ได้แล้ว
    ธุคร้าบบบบบบบบบบบบบ

    ตอบลบ
  6. นางสาวศิริพร เข็มศร สสท. 2 / 1 เลขที่ 1

    คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

    โลกและชีวิตของคนเรานั้นจะดำเนินไปขึ้นอยู่กับความคิดเปรียบเสมือนแสงดาวประจำทิศของนักเดินเรือ ในมัยก่อนเมื่อเวลาอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ นักเดินเรือนิยมใช้แสงดาวประจำทิศบอกทิศทางที่มุ่งไปด้านหน้า มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน เรือชีวิตของเราจะมุ่งไปถึงเป้าหมายโดยสวัสดีได้ก็ต้องมีเข็มทิศนำทาง เข็มทิศที่ว่านี้ก็คือเข็มทิศความคิด ถ้าเราติดถูก เรือชีวิตก็ไปถูกทิศถูกทาง แต่ถ้าเราคิดผิดเรือชีวิตของเราก็จะไปผิดทิศผิดทาง เราตั้งเข็มทิศชีวิตอย่างไร ชีวิตของเราก็จะดำเนินไปอย่างนั้น ชีวิตของเราจะรุ่งโรจน์หรือร่วงโรยนั้นตัดสินกันที่ความคิด ฉะนั้นความคิดถูกจึงเป็นปัจจัยสำคัญของการประสบผลสำเร็จในชีวิตของคน การดำเนินชีวิตของคนเราจะต้องมีความโปร่งใสและความขาวสะอาด ดังคำที่ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ท่านให้โอวาทกับข้าราชการตุลาการในสายงานว่า ความโปร่งใสและความสุจริตนั้นเราต้องยึดไว้ให้มั่น ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายเราก็ต้องไม่ตกเป็นทาสของคอรัปชั่น เมื่อเราดำเนินชีวิตด้วยความโปร่งใสและขาวสะอาดชีวิตของเราก็จะมีความสุขประสบแต่ความสุขความเจริญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราผู้ทรงมีน้ำพระทัยที่ดีงาม ท่านทรงเป็นห่วงพสกนิกรชาวไทยทุกคน แม้กระทั่งตอนที่พระองค์ท่านทรงพระประชวรและได้ประทับรักษาพระองค์อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสั่งให้เจ้าหน้าที่เทคโนโลยีไปติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องรักษาพระอาการประชวร เพราะทรงต้องการติดตามสถานการณ์พายุและน้ำท่วมของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด น้ำพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านนั้นสูงมากและท่านเคยให้พระราชดำรัสเก่แพทย์และพยาบาลทั้งประเทศไทยว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์และเกียรติจะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ” คนเราจะจะชั่วอยู่ที่ความคิด ความคิดเปรียบเสมือนเป็นนายของทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะความคิดหรือจิตนั้นเป็นผู้กำหนดสรรพสิ่ง พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “จิตเตนะ นียะติ โลโก คือ โลกหมุนไปเพราะความคิด”


    วิเคราะห์
    ได้รู้วิธีในการดำเนินชีวิตที่ถูก มีหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามหลักพุทธธรรมคำสอนและสามารถทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น สอนให้เรารู้จักคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเราวิเคราะห์เป็นทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นครูใหญ่ ความทุกข์กำลังสอนเรา ความสำเร็จกำลังสอนเรา แสงอาทิตย์กำลังสอนเรา ความร้อนกำลังสอนเรา ความหิวกำลังสอนเรา คำด่ากำลังสอนเรา ถ้าเราคิดเชิงวิเคราะห์เป็น ทุกอย่างก็จะเป็นครูของเรา

    ตอบลบ
  7. นางสาวฑิตยา ทองบ้านทุ่ม
    สสท.2/1 เลขที่ 34

    สรูป เรื่อง มองลึก นึกไกล ใจกว้าง
    เรื่องการช่วยเหลือเกื้อกูล เรื่องน้ำที่หยดลงบนต้นน้ำ เพราะในรอบปีที่ผ่านมา เมืองไทย คนไทยทำร้ายประเทศ เราทำร้ายประเทศกันเยอะเหลือเกิน ตอนนี้เราก็ยังไม่หยุด มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ๆ ที่เราอยู่ในบ้านนี้เมืองนี้ แต่แล้วเราก็กลับมาทะเลาะเบาะแวงกันเอง เราจะต้องช่วยกันกระตุ้นคนไทยให้ย้อนกลับมาคิดพิจารณาว่า เราได้ดื่มน้ำจากต้นน้ำ ไหลมาจาก ปิง-วัง-ยม-น่าน ทะลุไปออกอ่าวไทย ได้หายใจเอาอากาศจากต้นไม้ ซึ่งเติบโตผลิบานเกิดขึ้นในแผ่นดินไทย แล้วทำไมเราจึงย้อนกลับมาทำบายแผ่นดินไทยของเรา เราได้ดำรงชีวิต ได้ดื่ม ได้กิน อาศัยกุ้ง หอย ปู ปลา ที่เกิดและเจริญขึ้นในแผ่นดินแห่งนี้ แล้วทำไมโตขึ้นมาแล้วย้อนกลับมาทำลายแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง "เดี๋ยวนี้คนไทยไม่ค่อยถามอะไรเช่นนี้เราถามแต่ว่า "ฉันจะได้อะไร" เราไม่ค่อยถามว่า"ฉันจะให้อะไร" เมื่อจิตใจถามแต่ว่า "ฉันจะได้อะไร ๆ "คนเลยเห็นแกตัวกันมาก แล้วทำอย่างไรจึงจะได้ขึ้นมาก็คือ "
    หนึ่ง = ทำงานสุจริต แบบนี้ได้ผลช้า
    สอง = คอร์รัปชั่น ได้ผลเร็ว แต่ในระหว่างที่เราได้ คนอื่นเขาเสีย
    สาม = วิธีพิเศษ ซึ่งไม่มีในประเทศอื่น ขอเทพมาช่วย
    มองลึก คือ เวลาจะมองอะไร อย่ามองแค่ปรากฏการณ์ อย่ามองภาพลักษณ์ภายนอกที่เราเคยเห็นกันอย่างฉาบฉวย คือการเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เพราะสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตานี้คือ มองลึก
    นึกไกล คือ อย่านึกแต่ว่า ”ฉันจะได้อะไร” ควรนึกต่อไปเสมอว่า “ในขณะที่ฉันได้อะไร” คนอื่นจะเสียอะไร
    ใจกว้าง คือ ใจของเราที่ปราศจากอคติ สามารถอยู่ร่วมกับคนทั้งโลกฉันพี่น้อง อยู่กับชาวพุทธก็ได้ อยู่กับชาวคริสต์ก็ได้ อยู่กับคนมีศาสนาก็ได้ ไม่มีศาสนาก็ได้ เราจะเป็นมนุษย์ที่มองไปทางไหนเห็นคนทั้งโลกเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับเรา นี้คือ มองลึก – นึกไกล – ใจกว้าง
    เพราะฉะนั้น เรามองลึกจะไม่ตัดสินใจอะไรง่าย ๆ ไม่ว่าจะเรื่องคน เรื่องงาน เรื่องเหตุการณ์ เรื่องสถานที่ เรื่องธรรมะ ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเราเป็นคนมองลึกเราจะเห็นมากกว่า คนทั่ว ๆ ไป เราจะสัมผัสได้ลึกซึ่งได้ประทับใจมากกว่ากันทั่ว ๆ ไป ฉะนั้น เราเวลามองอะไร ให้หัดสังเกต คือ มองอย่างมีสติ ให้หัดสังกา คือตั้งคำถาม ถ้าสังเกตและสังกาเป็นก็จะได้ปัญญาทุกครั้งกลายเป็นคนที่ลึกซึ่ง อันนี้คือมองลึก
    นึกใกล้ = นึกเห็นแก่ตัว
    นึกไกล = นึกเห็นหัวอกคนอื่น
    ฉะนั้น แทนที่เราจะตั้งคำถามว่า “ฉันจะได้อะไร” ถ้าเขานึกไกล เราเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า “ฉันจะให้อะไร” คำว่าฉันจะได้อะไรเป็นการทำเพื่อตัวเองล้วน ๆ และมองอย่างลึกซึ่ง คือ การทำร้ายตัวเองแต่ถ้าถามว่า “ฉันจะให้อะไร” เป็นการทำเพื่อคนอื่น แต่ถ้ามองอย่างลึกซึ่งเป็นการทำเพื่อตัวเอง ฉะนั้น ทุกคนต้องฝึก “นึกไกล” ถ้าเรานึกไกล เราก็จะมีอนาคต ถ้าเรา “นึกใกล้” เราก็จะเสียอนาคต
    ใจกว้าง คือฝึกใจของเรานั้นให้กว้างขวาง หลุดออกจากอคติทั้ง 4 ประการคือ
    ลำเอียงเพราะรัก
    ลำเอียงเพราะชัง
    ลำเอียงเพราะหลง
    ลำเอียงเพราะกลัว

    “วิเคราะห์”
    ฉะนั้น พร 3 ประการ ที่นำมามอบให้ คือ มองลึก นึกไกล และใจกว้าง เป็นพรที่ประเสริฐเลิศล้ำได้ก็ต่อเมื่อทุกท่านทุกคนนำไปประพฤติปฏิบัติ แต่จะไม่มีคุณค่าอะไรเลย ถ้าทุกคนอ่านแล้วก็ปล่อยให้ผ่านเลยไป ฉะนั้น อยากให้ มองลึก นึกไกล ใจกว้าง เป็นพร ต้องลงมือทำ เพราะพรใด ๆ ก็ไรค่าถ้าไม่ทำ

    ตอบลบ
  8. นางสาว พัสน์นันท์ สูงแข็ง
    ธรรมะสบายใจ
    คนเราเกิดมาทุกคนก็ต้องมีความทุกข์ และความสุขแต่ความสุขนั้นกว่าเราหามาได้นั้นเราต้องมีความทุกข์มาก่อนคนที่มีความทุกข์นั้นเป็นคนที่ชอบมักมากหรือกยากได้ของคนอื่นตลอดเวลาและส่วนมาเราคิดว่าคนที่ร่ำรวยมักจะมีความสุขมากกว่าคนจนที่ไม่ค่อยมีตังค์แต่คุณจะรุได้ไงว่าคนจนไม่มีความสุขที่แล้วเขาอาจมีความสุขมากว่าคนรวยก็ได้อย่างเช่นคนที่ร่ำรวยมีเงินทองมากมายกว่าจะหามาได้ก็มีความทุกข์มากคิดแต่จะหากำไรเข้าตัวคิดเยอะๆๆทำให้เขามีความทุกข์ก่อนจะมีความสุขตอนแก่นพอแก่แล้วมีความสุขแค่ไม่นานก็ตายเอาอะไรไปก็ไม่ได้แต่คนจนนั้นไม่ต้องคิดอะไรมีอะไรก็กินไปตามที่ตนมีและมีความสุขตลอดชีวิตและกานที่เราจะมีความสุขที่แท้จริงได้นั้นเราต้องมีจิตใสกายงามควบคู่กันไปถึงจะเรียกว่าสุขแท้แต่ว่าจิตใจคนเราอาจไม่เหมือนกานเลยไปซะหมดเพราะบางคนอาจมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นมาตลอดแต่บางคนก็มีจิตใจที่ดี ไม่เอารัดเอาเปรียบใครเขาจนทำให้เกิดความทุกข์และการที่เราทำกายใจให้สบายนั้นเราไม่ควรเครียดหรือคิดกับเรื่องที่ไม่จำเป็นเราควรปล่อยว่างเสียก่อนและตองมีสติในทุกๆเรื่องและในเรื่องของความสุขนั้นทุกคนก็ได้ปราถนาความสุขจะมีความสุขเสมอไป บางคนที่ต้องการความสุขกลับยิ่งมีความทุกข์ยิ่งกว่าเดิมแต่บางคนก็แสแสร้ง แสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนมีความทุกข์อยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่ในชีวิตจริงแล้วไม่เคยมีความสุขเลยคนที่แสวหาความสุขแท้คืออะไรยิ่งแสวงหาก็ยิ่งไกลออกไปจากความสุขถ้าเราอยากมีความสุขเราต้องเป็นอย่างที่เราเชื่อถ้าเราเชื่อว่าเราจะทำได้เราก็จะมีความพยายามที่จะทำมันให้ดีที่สุดและมีความสุขไปกับมันและจะทำให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งนั้นๆ
    เพราะความสุขนั้น ผลิบานอยู่ในตัวเราตลอดเวลา ขอให้เรากลับมาหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขในตัวเราเสียเถิด

    การวิเคราะห์
    การที่เราจะมีความสุขได้นั้นเราต้องมีจิตใจที่ดีงามมีน้ำใจต่อผู้อื่นและการที่เราจะมีความสุขนั้นไม่จำเป็นต้องเป้นคนร่ำรวยหรือคนจนเราก็มีความสุขได้ขอให้เราคิดดีทำดีสิ่งดีๆก็จะส่งผลดีมาให้เราและมีความสุขกลับมัน

    ตอบลบ
  9. นางสาวพัชรี ธนะลือ สสท.2/1 เลขที่ 12
    สรุปหนังสือเรื่องธรรมะดับร้อน

    คนเราจะดีหรือเลวไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเป็นสำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับกรรมคือการกระทำทางกาย วาจา และใจของคนเราต่างหาก เมื่อรู้ว่าผิดพลาดไปแล้วก็รีบถอนตนออกมาอย่างทันทีและเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ซ้ำรอยเดิมอีก คนที่ผิดพลาดไปแล้วหากพยามยามตั้งสติประพฤติตนเป็นคนใหม่ ยังไงก็ยังมีโอกาสแก่ตัวได้เสมอ ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงถือว่าคนที่ผิดแล้วยอมรับผิดและเรียนรู้ที่จะกลับตนเป็นคนดีนั้นเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญละเป็นคนที่จะมีอนาคตสดใส การหลงผิดคิดว่าสิ่งที่ตนรู้ดี สิ่งที่ตนเชี่ยวชาญ สิ่งที่ตนได้ผ่านมามากจนเป็นผู้รอบรู้เฉพาะเรื่องแล้วอุปโลภน์ตนเป็นผู้รู้เป็นนักปราชญ์เป็นนักเชี่ยวชาญจนไม่ยอมฟังความเห็นของใครอาการแบบนี้เรียกว่า เมาความรู้ คนที่เมาความรู้ก็คือคนที่หลงบูชาเอาทิฐิ ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี่ยวของความรู้ และเป็นเพียงเงาของความจริงว่าเป็นตัวปัญญา ทิฐิ คือความคิดเห็น ความรอบรู้อันคับแคบเฉพาะทางเฉพาะสาขาจึงเป็นหลุมพรางทางปัญญารกปัญญาทั้งหลายพึงระมัดระวังอย่างยิ่งอย่าปล่อยให้ตัวเองตกลงไปในหลุมพรางแห่งทิฐินี้เป็นอันขาดผู้ทรงภูมิปัญญาที่แท้เขาได้เอาตัวรอดกลับมาได้อย่างมีสวัสดิภาพโดยไม่ต้องกลายไปเป็นตัวตลกได้

    วิเคราะห์ เมื่อเราเมื่อเรื่องเดือดร้อนใจมักกระวนกระวายใจอยู่ไม่เป็นสุขหยุดร้อนไม่อยู่ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่าไหร่ไฟแห่งความทุกข์ก็รุมแผดเผาใจเรามากขึ้นเท่านั้น หนังธรรมะดับร้อนให้ทั้งความรู้และความสนุกเป็นอุทาหรณ์เตือนสติว่าปัญหาทุกปัญหามีทางออกเสมอ

    ตอบลบ
  10. นายยุทธพงษ์ อัฒจักร์ สสท 2/1 เลขที่ 29

    เรื่องที่สรุป มหัศจรรย์แห่งความรัก 2
    หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่จะดึงดูดความรักที่เหมือนกันมาคู่กันเป็นทั้งคู่คิด
    คูชีวิต และคู่ลิขิต ใครก็รักใตรก็อ่าน ใครก็ไม่รักใครต้องยิ่งอานเพราะท่านเขียนให้อ่านกว่าจะได้เข้าใจ "คำว่ารัก"ว่ายากแล้วได้รักอย่างเข้าอย่างยิ่งกว่าขอน้อมกราป ท่าน อ.วชิรเมธี ที่สอนให้รูจัก คำว่ารัก คับความรักที่ใหัในการศึกษา ก็คือความรักในการใฝ่ฝัน การมีแรงใจในดารใฝ่รู้ที่เรียกว่าธรรมฉันทะหรือ หรือธรรมะถามตา นั่นเองและความรักเช่นนี้พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่ามรรควิธีสู่ความสำเร็จ ก็คือ รากฐานแห่งความสำเร็จ หรือหนทางสู่ความสำเร็จมีใจรัก ก็คือ ความรัก ความพอใจ ความประทับใจ หรือความอยากจะมี
    อย่างจะเป็นอย่างจะได้ความอดทนความทุ่มเท ที่มีต่อความรัก ทุกตนในโลกนี้มีความรู้สึกลึกซึ้งความรักนั้น ลำพังมีแต่ความชอบ ด้วยใจเพียงอย่างเดียว
    และไม่สามารถนำไปสู่ผู้รู้ได้ตอนที่เขาเป้นเด็กเป็นสามเณนเขาได้รับการศึกษา ที่จังหวัดเชียงราย แล้วเขาได้ตั้งกฎไว้ว่า พระเณนต้องเรียนแต่บาลีเท่านั้น แล้วเขาจึงคิดว่า ทำอย่างไรจะแสวงหาความรู้ทางโลก แล้วเขาพบว่า
    ที่หนังวัดนั้นมีหอประชุมประชาชนของจังหวัดเชียงรายตัวเขาได้เล่าเนื่องจากเวลานั้นเขาเป็นสามเณนเล็กๆ แต่ถ้าวันไหนได้ออกไปข้างนอกแล้ว ก็ต้องแลกที่จะยอมกับมา ที่จะออกไปอ่านหนังสือความรักสู่อิสภาพ ในที่หมายถึงความกรุณาที่ในใจหลังจากที่เราได้สำผัส พุทธภาวะ อันได้แก่ คาวมเป็นผู้รู้ ความเป็นผู้ตื่อ ความเป็นผู้เบิกบาน

    วิเคราะห์
    มนุษยในชาติใช้เวลาอย่างยาวนานในการเพียรสร้างสันติภาพโลก
    แต่แล้วพวกเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะสันติภาพโลกที่
    แท้ ไม่ได้เกิดจากการเจรจาในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำ หรือเกิดจารการ
    ลงนามในหนังสือสัญญาตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ในเวทีโลก หากแต่สัน
    ติภาพโลกที่แท้ล้วนเกิดจากการที่เล่าแต่ละคน ซึ่งเปรียบเสมือนโลก
    แต่ละใบ มีสันติสุขในเรือนใจแล้วเราอยู่ ณ ตรงไหน ตรงนั้นก็เป็น
    เรือนจำเพราะสันติภาพ สันติสุขส่วนบุคคล คือ สันติภาพสากลของมนุษยชาติหากเราได้ปราถนาจะสถาปนาสัติภาพโลกสิ่งแรกที่เราควรจะทำก็คือเราต้องสถาปนาสันติภาพลงไปในเรือนใจของเราให้ได้เสียก่อน

    ตอบลบ
  11. สรุป เรื่อง คิดถูก โปร่งใส ใจสูง
    โลกและชีวิตของคนเรานั้นจะเป็นไปอย่างไรขึ้นอยู่กับความคิดความคิดเปรียบเสมือนแสงดาวประทิศของนักเดินเรือ ในสมัยก่อนไม่มีนาฬิกานัดเดินเรือจะใช้เข็มทิศในการบอกทิศทางที่จะมุ่งไปข้างหน้ามนุษย์ก็เช่นเดียวกัน เข็มทิศที่ว่าก็คือเข็มทิศความคิด ถ้าเราคิดถูก เรือชีวิตก็ไปถูกทิศ ถูกทาง แต่ถ้าเราคิดผิด เรือชีวิตก็จะผิดทิศผิดทาง
    ความโปร่งใสคือสุจริตปราศจากคอร์รัปชั่น ในประเทศไทยมีคนรวยจำนวนมาก แต่มีคนรวยไม่กี่คนที่มีเงินแล้วสามารถเดินเหินในสังคมได้อย่างสง่าผ่าเผย เหตุผลก็เพราะคนเหล่านั้นมีแต่เงิน ทว่าขาดบารมี บารมีที่ว่าก็ไม่ได้เกิดมาจากเงิน แต่เกิดมาจาการมีชีวิตที่สะอาด ไม่คิดโกงคนอื่นในทางที่ผิด มีความรู้รอบครอบสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยการไม่คิดไปเบียดเบียนคนอื่นในทางที่ผิดกฎหมาย นั้นก็คือ ความโปร่งใส สิ่งที่สังคมทุกวันนี้กำลังขาด
    ทันทีที่เราเกิดมาจะเห็นได้ว่า คน สัตว์ มีศักยภาพหลายอย่างที่คล้ายกัน คือ กิน ดื่ม สืบพันธ์ นอน คนก็มีสี่อย่างนี้เหมือนกัน การศึกษาที่แท้จริงจะต้องนั่งคือ สอนคนให้ทำมาหากินเป็น ต้องสอนให้รู้ว่าจะทำมาหากินอย่างไรไม่ให้เป็นการทำมาหากรรม มีคนจำนวนมากทำมาหากินโดยที่ไม่มีธรรมะ สุดท้ายต้องเข้าไปอยู่ในคุก เมื่อคนส่วนใหญ่อยากจะรวยโดยไม่คำนึงถึงที่มาของเงินก็เกิดแนวความคิดผิด จึงทำให้จิตใจต่ำทำอย่างไรก็ได้ให้รวยไว้ก่อน ประเทศชาติจุเป็นอย่างไรไม่สนใจ เราจึงมาฝึกให้จิตใจสูงกว่านี้ เราที่เราจะทำอะไรจะต้องคิดก่อนว่าอันไหนถูกอันไหนผิดควรพิจารณาดูว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือยัง ถ้าเราทุกคนเอาความคิด ความโปร่งใส ใจสูง มาเป็นแนวความคิดของเราอาจจะทำให้ชีวิตและการทำงานของเราดีขึ้นกว่าเดิม นำไปปฏิบัติดู
    วิเคราะห์ เรื่อง คิดถูก โปร่งใส ใจสูง
    โลกและชีวิตของเรานั้นจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับความคิด ถ้าเราคิดเป็น คิดถูก คิดดี คิดมีประโยชน์ เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่ดีได้และทำให้คนข้างๆ ที่รายล้อมอยู่รอบๆตัวเราพลอยคิดถูก คิดดีตามไปด้วย แต่ถ้าเมื่อใดที่เราคิดผิดแม้เพียงคนเดียว คนอีกมากมายก็หลงผิดตามไปด้วยและเมื่อความคิดผิดๆแผ่ขยายออกไปสุดท้ายแล้วเราคงไม่ต่างจากชาวรวันดาที่มวลประชาข่มฆ่าเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน เพราะถูกโฆษณาชวนเชื่อให้เครียดชังฝ่ายตรงข้าม
    หนังสือ คิดถูก โปร่งใส ใจสูง เล่มนี้ เป็นผลงานอีกหนึ่งชิ้นแห่งความภาคภูมิใจ มีเนื้อหาสาระที่ดีสามารถทำหน้าที่เหมือน เข็มทิศชีวิต ที่จะช่วยชี้นำทางให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่หลงทาง

    ตอบลบ
  12. นายยุทธพงษ์ อัฒจักร์ สสท 2/1 เลขที่ 29

    เรื่องที่สรุป มหัศจรรย์แห่งความรัก 2
    หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่จะดึงดูดความรักที่เหมือนกันมาคู่กันเป็นทั้งคู่คิด
    คูชีวิต และคู่ลิขิต ใครก็รักใตรก็อ่าน ใครก็ไม่รักใครต้องยิ่งอานเพราะท่านเขียนให้อ่านกว่าจะได้เข้าใจ "คำว่ารัก"ว่ายากแล้วได้รักอย่างเข้าอย่างยิ่งกว่าขอน้อมกราป ท่าน อ.วชิรเมธี ที่สอนให้รูจัก คำว่ารัก คับความรักที่ใหัในการศึกษา ก็คือความรักในการใฝ่ฝัน การมีแรงใจในดารใฝ่รู้ที่เรียกว่าธรรมฉันทะหรือ หรือธรรมะถามตา นั่นเองและความรักเช่นนี้พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่ามรรควิธีสู่ความสำเร็จ ก็คือ รากฐานแห่งความสำเร็จ หรือหนทางสู่ความสำเร็จมีใจรัก ก็คือ ความรัก ความพอใจ ความประทับใจ หรือความอยากจะมี
    อย่างจะเป็นอย่างจะได้ความอดทนความทุ่มเท ที่มีต่อความรัก ทุกตนในโลกนี้มีความรู้สึกลึกซึ้งความรักนั้น ลำพังมีแต่ความชอบ ด้วยใจเพียงอย่างเดียว
    และไม่สามารถนำไปสู่ผู้รู้ได้ตอนที่เขาเป้นเด็กเป็นสามเณนเขาได้รับการศึกษา ที่จังหวัดเชียงราย แล้วเขาได้ตั้งกฎไว้ว่า พระเณนต้องเรียนแต่บาลีเท่านั้น แล้วเขาจึงคิดว่า ทำอย่างไรจะแสวงหาความรู้ทางโลก แล้วเขาพบว่า
    ที่หนังวัดนั้นมีหอประชุมประชาชนของจังหวัดเชียงรายตัวเขาได้เล่าเนื่องจากเวลานั้นเขาเป็นสามเณนเล็กๆ แต่ถ้าวันไหนได้ออกไปข้างนอกแล้ว ก็ต้องแลกที่จะยอมกับมา ที่จะออกไปอ่านหนังสือความรักสู่อิสภาพ ในที่หมายถึงความกรุณาที่ในใจหลังจากที่เราได้สำผัส พุทธภาวะ อันได้แก่ คาวมเป็นผู้รู้ ความเป็นผู้ตื่อ ความเป็นผู้เบิกบาน

    วิเคราะห์
    มนุษยในชาติใช้เวลาอย่างยาวนานในการเพียรสร้างสันติภาพโลก
    แต่แล้วพวกเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะสันติภาพโลกที่
    แท้ ไม่ได้เกิดจากการเจรจาในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำ หรือเกิดจารการ
    ลงนามในหนังสือสัญญาตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ในเวทีโลก หากแต่สัน
    ติภาพโลกที่แท้ล้วนเกิดจากการที่เล่าแต่ละคน ซึ่งเปรียบเสมือนโลก
    แต่ละใบ มีสันติสุขในเรือนใจแล้วเราอยู่ ณ ตรงไหน ตรงนั้นก็เป็น
    เรือนจำเพราะสันติภาพ สันติสุขส่วนบุคคล คือ สันติภาพสากลของมนุษยชาติหากเราได้ปราถนาจะสถาปนาสัติภาพโลกสิ่งแรกที่เราควรจะทำก็คือเราต้องสถาปนาสันติภาพลงไปในเรือนใจของเราให้ได้เสียก่อน

    ตอบลบ
  13. นายพลวัฒน์ คฤหัสถ์ เลขที่ 28 สสท2/1
    สรุป ธรรมดับร้อน

    คำว่าร้อนในที่นี้ไม่ได้หมายถึง บรรยากาศ หรือ สิ่งอื่ใด ทั้งนั้นแต่หมายถึง อารมณ์ ความรู้สึก ที่กำลังเดือด โดนแผดเผา จากสิ่งรอบข้าง อย่างเช่น ไฟร้อนที่เกิดขึ้นกับพุทธองค์ใน สมัยพุทธกาล ก่อนและหลังที่พระองค์ได้ตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์ได้ผ่านไผร้อนที่รุกไหมมาอย่างมากมาย เช่น
    -พญามาร ยกทัพแระกาศก้องที่จะแย่งบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
    -สาวสวย ได้ประกาศว่าท้องกับพระองค์ให้กับประชาชนได้รับรู้
    -การเดิมพันชีวิตกับยักร้าย ซึ่งยักษ์ษาเป็นผู้ยื้นข้อเสนอ
    -พญาช้างนาฬาคิรี ตกมันวิ่งเข้าหาพระองค์หวังจะทำร้าย วิ่งด้วยความเร็วดุจศรหลุดจากแล่ง
    -องคุลีมาล ฟาดฟันเพื่อหวังจะเอานิ้วให้ครบ 1 พันนิ้ว ฯลฯ
    และนอกจากนี้ยังมีอีกมายมาย จากข้างต้นล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงโดยที่ พญามาร ทุกตัวต้องการที่จะขัดขวางพระพุทธเจ้า ไฟร้อนเดือนขนาดนี้พระองค์ยังมียุทธวิถี ดับร้อนผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยสติสัมประชันญะ เรื่องร้ายทั้งหลายจึงผ่านไปได้สวย

    วิเคาระห์
    ลองคิดดูสิครับว่า ทุกวันนี้มีเรื่องร้อนมากมาย เราจะมีวิธีดับร้อนอย่างไร ไปร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหลายเราจะทำอย่างไร เราต้องใช้สติปัญญา ที่มีอยู่ ลดความรัก โลก โกรธ หลง ทั้งหลายเหล่านี้ ที่จะทำให้เกิดเรื่องร้อนภายในตัว ภายในใจ ของเรา จะผ่านไปได้ด้วยดีแน่ะนอน

    ** สิ่งที่กำลังจะเกิด จะดี หรือ ร้าย อยู่ที่ตัวเรา ที่จะกระทำ ลงไป เท่านัน ไม่ได้อยู่
    ที่บุคคลอื่น ตัวเราเท่านั้นจะเป็นผู้บงการทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า
    จงใช้สติ และ ปัญญาที่มีอยู่ไตร่ตรองให้ดี และทุกอย่างจะตามมาตามความต้องการ

    *** และการที่หัดเข้าใจผู้อื่น ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเอง จนทำให้ผู้อื่นรู้สึกเบื่อหน่าย บางครั้ง ทุกคนอาจมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน อย่าปิดกลั้น เปิดรับความคิดของบุคคลอื่นบ้าง ในบ้างครั้งความคิดของผู้อื่นอาจดีกว่า ความคิดของเราก็ได้ ถึงแม้ผู้นั้นจะมี ยศ ไม่เท่ากับเรา หรืออายุน้อยกว่า เราก้อตาม ฝากเพื่อน ๆ ทุกคนด้วยน่ะครับ

    ขอบคุณครับ สำหรับผู้อื่นทุกคน

    ตอบลบ
  14. Love Analysis
    มหัศจรรย์แห่งความรัก 2
    มิติที่ 8 รักเรียนรู้ (knowledge)
    ขอเพียงใช้ความรักนำทางเราทุกคนก็พร้อมเป็นอัจฉริยะ เป็นการรู้จักรักที่จะเรียนรู้จักจะรักในการเรียนค้นคว้า หาความรู้ เข้าตัวเอง รู้จักสงสัยในบางเรื่อง เพื่อให้เกิดความคิด คือริเริ่มในตัวเอง ตัวอย่าง
    หลักธรรมอ๊ะ
    เอ๊ะ ทำไมต้องแก่
    เอ๊ะทำไมต้องเจ็บ
    เอ๊ะทำไมต้องตาย
    เอ๊ะทำไมต้องบวช
    ใครก็ตามที่เติบโตมาในวัฒนธรรมเอ๊ะ หรือดำเนินชีวิตอยู่ในวัฒนธรรม เขาผู้นั้นจะกลายเป็นนักคิดวิเคราะห์มีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นนักปราชญ์
    มิติที่ 9 Awakening in work งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข
    การรักในงานที่ทำ โดยต้องรู้ให้ได้ว่าตัวเองชอบงานไหน ค้นตัวองให้พบว่าตัวเองชอบงานอะไร
    แล้วงานนั้นเหมาะกับเราหรือไม่ แล้วก็ตั้งใจทำงานนั้นกับงานที่ตนเองรัก
    มิติที่ 10 Politician คนของแผ่นดิน
    การเป็นนักการเมือง ถ้าหากเป็นนักการเมืองที่ปราศจากความกรุณาต่อ ประชาชนอย่างแท้จริงก็จะไม่สามารถเป็นนักการเมืองที่ดีได้ แต่เขากลับมาทำร้ายประชาชน และประเทศชาติได้อย่างสาหัส
    มิติที่ 11 Think Earth เราคือโลก
    เป็นความรักที่เรามีต่อโลก ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมซึ่งเรียกว่า “กตัญญู” ความกตัญญูต่อโลก เพราะมนุษย์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับโลก เช่นน้ำท่วม ไฟไหม้ โลกร้อน แผ่นดินไหว เป็นการกระทำของมนุษย์ เพราะฉะนั้นเราจึงควรรักษาโลก สิ่งแวดล้อมของเราไว้ จงสุภาพต่อโลกทะนุถนอมโลกใบนี้เอาไว้ เพื่อมนุษย์ทั้งปวง
    มิติที่ 12 We are the world โลกทั้งผองพี่น้องกัน
    ความรักที่เราควรมอบแก่มนุษย์ชาติ คือความเมตตา หรือ มิตร ไมตรี หากเราปลูกฝังความรักของเมตตา โลกของเราก็จะเป็นโลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสันติภาพและสันติสุข โดยหากเราละเว้น
    1.ความหวงแหน แผ่นดิน
    2.ความหวงแหน ผลประโยชน์
    3.ความหวงแหนชนชันวรรณะ
    4.ความหวงแหนภูมิปัญญาดีงาม
    หากเราปรารถนาจะสถาปาสันติภาพโลกเราก็จะต้อง สถาปาณษสันติภาพลงไปในเรือนใจ ขอวเราให้ได้เสียก่อน แล้วหลังาจากนั้น เราก็จะได้สันติภาพ และศักยภาพของหัวใจของคนทั้งโลก
    มิติที่ 13 Forgive VS Revenge
    อภัยทานกับการแก้แค้น
    การักที่จะให้อภัย การรู้จักปล่อยวางความแค้น และการรู้จักให้อภัย การให้อภัยอาจเหมือนเป็นเรื่องราวที่อุดมคติเกินไป ถึงแม้จะเป็นต้นทางที่แสนยากเข็ญ แต่หากพยายาม ให้อภัย ท้ายที่สุดก็จะได้เป็นปลายทางที่แสนเย็นฉ่ำ เบิกบาน เบาสบายใจ และเป็นความดีอย่างแท้จริง
    มิติที่ 14 Freedom รักสู่อิสรภาพ
    รักที่จะตื่นจากรักที่แท้ให้เป็น ความกรุณา โดยการเดินทางสายเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลายให้ก้าวข้ามความโศกคร่ำครวญ หวนไห เพื่อความทุกข์ นำความกรุณาเข้าหาจิตใจเย็นฉ่ำ สดชื่น รื่นรมย์ หลังจากนั้นเราก็จะได้ดวงใจที่ถูกห้องไว้ด้วยความปีติสุข

    ตอบลบ
  15. นายพลวัฒน์ คฤหัสถ์ เลขที่ 28 สสท2/1
    สรุป ธรรมดับร้อน
    คำว่าร้อนในที่นี้ไม่ได้หมายถึง บรรยากาศ หรือ สิ่งอื่ใด ทั้งนั้นแต่หมายถึง อารมณ์ ความรู้สึก ที่กำลังเดือด โดนแผดเผา จากสิ่งรอบข้าง อย่างเช่น ไฟร้อนที่เกิดขึ้นกับพุทธองค์ใน สมัยพุทธกาล ก่อนและหลังที่พระองค์ได้ตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์ได้ผ่านไผร้อนที่รุกไหมมาอย่างมากมาย เช่น
    -พญามาร ยกทัพแระกาศก้องที่จะแย่งบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
    -สาวสวย ได้ประกาศว่าท้องกับพระองค์ให้กับประชาชนได้รับรู้
    -การเดิมพันชีวิตกับยักร้าย ซึ่งยักษ์ษาเป็นผู้ยื้นข้อเสนอ
    -พญาช้างนาฬาคิรี ตกมันวิ่งเข้าหาพระองค์หวังจะทำร้าย วิ่งด้วยความเร็วดุจศรหลุดจากแล่ง
    -องคุลีมาล ฟาดฟันเพื่อหวังจะเอานิ้วให้ครบ 1 พันนิ้ว ฯลฯ
    และนอกจากนี้ยังมีอีกมายมาย จากข้างต้นล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงโดยที่ พญามาร ทุกตัวต้องการที่จะขัดขวางพระพุทธเจ้า ไฟร้อนเดือนขนาดนี้พระองค์ยังมียุทธวิถี ดับร้อนผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยสติสัมประชันญะ เรื่องร้ายทั้งหลายจึงผ่านไปได้สวย

    วิเคาระห์
    ลองคิดดูสิครับว่า ทุกวันนี้มีเรื่องร้อนมากมาย เราจะมีวิธีดับร้อนอย่างไร ไปร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหลายเราจะทำอย่างไร เราต้องใช้สติปัญญา ที่มีอยู่ ลดความรัก โลก โกรธ หลง ทั้งหลายเหล่านี้ ที่จะทำให้เกิดเรื่องร้อนภายในตัว ภายในใจ ของเรา จะผ่านไปได้ด้วยดีแน่ะนอน

    ** สิ่งที่กำลังจะเกิด จะดี หรือ ร้าย อยู่ที่ตัวเรา ที่จะกระทำ ลงไป เท่านัน ไม่ได้อยู่
    ที่บุคคลอื่น ตัวเราเท่านั้นจะเป็นผู้บงการทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า
    จงใช้สติ และ ปัญญาที่มีอยู่ไตร่ตรองให้ดี และทุกอย่างจะตามมาตามความต้องการ

    *** และการที่หัดเข้าใจผู้อื่น ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเอง จนทำให้ผู้อื่นรู้สึกเบื่อหน่าย บางครั้ง ทุกคนอาจมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน อย่าปิดกลั้น เปิดรับความคิดของบุคคลอื่นบ้าง ในบ้างครั้งความคิดของผู้อื่นอาจดีกว่า ความคิดของเราก็ได้ ถึงแม้ผู้นั้นจะมี ยศ ไม่เท่ากับเรา หรืออายุน้อยกว่า เราก้อตาม ฝากเพื่อน ๆ ทุกคนด้วยน่ะครับ

    ขอบคุณครับ สำหรับผู้อื่นทุกคน

    ตอบลบ
  16. พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์และพระนักเขียนหนังสือธรรมะ ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ 2551 ว่า ขอมอบ 3 คำ ให้เป็นพรแก่คนไทยทั้งประเทศ คือ "คิดถูก โปร่งใส ใจสูง" ซึ่งเป็น 3 คำที่สามารถฟื้นฟูบูรณะสังคมไทยให้คืนสู่ความร่มเย็นเป็นสุขได้ หากใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจคนไทย เชื่อว่าจะออกจากวิกฤตได้อย่างแน่นอน คำว่า "คิดถูก" คือ การคิดถูกทำนองคลองธรรม ในปัจจุบันคนไทยแยกกันเป็นฝ่าย จนเกลียดชังกันเอง เหมือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสว่า หากคนไทยไม่ปรองดองกัน จะกลายเป็นเคราะห์กรรมของประเทศชาติ แล้วทำอย่างไรเราจะรักกัน ต้องย้อนกลับไปว่า แท้ที่จริงเราเป็นมนุษยชาติก่อนเป็นคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคใดหรือเป็นใคร ท้ายที่สุดทุกคนเป็นมนุษยชาติด้วยกันทั้งสิ้น คือพี่น้องท้องเดียวกัน ดังนั้น ไม่ควรเกลียดชังกัน หรือคิดว่าใครเป็นพวกใคร ควรคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกันทั้งหมด พระมหาวุฒิชัย กล่าวว่า คำว่า "โปร่งใส" ประเทศที่เข้าสู่วิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่า มีปฏิวัติรัฐประหารหลายครั้งในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเหตุผลหลักทุกครั้งจะมาจากการคอร์รัปชั่น ดังนั้น หากจะออกจากความวุ่นวายทางการเมือง ต้องเริ่มต้นร่วมกันต่อต้านการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะแบ่งให้ใครก็ตาม เห็นคนอื่นกระทำก็อย่าอยู่เฉย ถ้ายังไม่สามารถถอนการคอร์รัปชั่นออกจากสังคมไทยได้ สังคมของเราจะเวียนว่ายตายเกิดกับการปฏิวัติรัฐประหาร
    คำสุดท้าย "ใจสูง" หมายความว่า ใจที่ไม่เห็นแก่ตัว คิดถึงประโยชน์สุขมากกว่าผลประโยชน์ คิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว คิดถึงคนรุ่นหลังมากกว่าคนรุ่นตัวเอง ถ้าไม่ฝึกให้เป็นคนมีจิตใจสูงแล้ว สังคมไทยจะเป็นสังคมที่มีแต่คนเห็นแก่ตัว และกลายเป็นสังคม องคุลีมาล ซึ่งทำทุกอย่างให้ตัวเองประสบความสำเร็จ โดยไม่คำนึงว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
    พระมหาวุฒิชัย กล่าวว่า ดังนั้น พร 3 ประการนี้ คือ คิดถูก โปร่งใส ใจสูง ขอให้คนไทยนำไปพินิจพิจารณาเป็นเข็มทิศชีวิตสำหรับปีใหม่นี้ด้วย ต้องคิดถูกทำนองคลองธรรม อย่าคิดสวนทางธรรม เพราะถ้าคิดสวนแล้ว ชีวิตจะตกต่ำอย่างแน่นอน และขออย่าให้เราคอร์รัปชั่นเอง หรือเห็นดีเห็นงามกับการคอร์รัปชั่นของคนอื่น หรือเป็นพลังเงียบ เมื่อเห็นคนอื่นคอร์รัปชั่น และต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมืองก่อนความอยู่รอดของตัวเอง หากเราเอาพร 3 ประการนี้ไปใช้ เชื่อมั่นว่า ปัจเจกบุคคลจะมีความสุข และแน่นอนที่สุดเมื่อปัจเจกบุคคลคิดถูก โปร่งใส ใจสูง จะทำให้ความสุขมวลรวมประชาชาติของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
    ทั้งนี้ พระมหาวุฒิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับคำว่า "คิดถูก" กับคนในแวดวงการเมืองนั้น พระมหาวุฒิชัย กล่าวว่า ต้องตั้งความคิดของตัวเองให้ถูก ถ้าไม่ถูกจะทำให้ประเทศก้าวเข้าสู่วิกฤติซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิธีคิดที่ถูกต้องของนักการเมือง คือ ต้องเอาประเทศชาติให้รอด ก่อนคำนึงถึงการเอาตัวรอด ถ้าคำนึงถึงแต่ความอยู่รอดของตัวเองและพวกพ้อง และประเทศชาติไม่รอด เป็นการคิดผิด นักการเมืองอยากคิดถูก ต้องเอาประเทศรอดวิกฤตให้ได้

    ตอบลบ
  17. สรุป เรื่อง ธรรมะดับร้อน
    "ธรรมะดับร้อน" ได้เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าได้ผจญมาทั้งก่อนตรัสรู้และหลังจากตรัสรู้แล้ว หากแต่พระพุทธองค์ก็ได้ทรงใช้พระวรปัญญาพลิกแพลงตามสถานการณ์ ดับไฟร้อนเหล่านั้นด้วยธรรมะและได้เปลี่ยนเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจได้ ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาก่อนแต่ด้วยเรื่องเหล่านี้เป็นภาษาบาลี แถมพ่วงด้วยทัศนะวิจารณ์ที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ อันนับได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจศึกษา และบุคคลทั่วไปอย่างยิ่ง เชื่อได้ว่าเมื่ออ่าน "ธรรมะดับร้อน" แล้วกำลังใจย่อมบังเกิดขึ้นกับทุกคนและเชื้อไฟแห่งความทุกข์ร้อนจะถูกดับไปในที่สุด
    เพราะธรรมะดูเหมือนจะสามารถเกื้อกูลบุคคลอื่นๆที่กำลังตกอยู่ในภาวะอย่างนี้ด้วย ไฟนี้ ท่านเรียกว่า ไฟราคะ องค์ธรรมได้แก่ โลภะเจตสิกที่เกิดในโลภะมูลจิต กล่าวง่ายๆแก่ผู้ไม่ได้เรียนมา ก็ได้แก่ กิเลสที่มีความยินดีพอใจในอารมณ์ที่ตนพอใจนั่นเอง ไฟเกิดได้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ไฟกิเลสนั้นเกิดขึ้นทางใจ แต่ก็อาศัยการเสพอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นปัจจัย ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ไฟใดไหนเล่าจะเดือดร้อนเท่ากับไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ ไฟราคะนั้น เป็นกิเลสที่เกิดขึ้นเป็นประจำในสันดานของเหล่าสัตว์ หากไม่ควบคุม ไม่มีหิริโอตตัปปะ กิเลสนั้นก็ถึงคราวกำเริบจนกั้นไว้ไม่อยู่ในใจเสียแล้ว กิเลสย่อมผลักดันให้ไหลออกมาทางวาจา และทางกายด้วยไฟที่ท่านไม่ทุกข์ รู้สึกสดชื่นเสียด้วยซ้ำ มิฉะนั้นแล้ว การเรียนนั้นประโยชน์ย่อมไม่รุ่งเรืองเลย เพราะเป็นปัจจัยแก่โลภะ ทิฏฐิ มานะ ที่จะขึ้นมาสำคัญว่าตนนั้นรู้ดี เข้าใจดีแล้ว แต่ไม่เคยดูกิเลสตน แต่ชอบเห็นกิเลสคนอื่น เมื่อไม่สอบสวนดูแลใจของตน จึงไม่เห็นโทษ ไม่เห็นภัย ไม่เกิดหิริโอตตัปปะ ย่อมเพลิดเพลินในธรรมที่ไม่อุปการะตนอย่างนั้น จะต้องรู้ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ รู้ว่าอะไรควรใส่ใจ อะไรไม่ควรใส่ใจ นี้เป็นคุณแห่งธรรมที่จะเกิดได้ที่ต้องมีปัญญาเป็นผู้ดำเนินการ ปัญญา ที่เชื่อในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ปัญญาที่เชื่อเรื่องกรรม เรื่องผลของกรรมอย่างแน่วแน่นั่นเอง ดังนั้นพึงเห็นความเป็นโทษ เพราะหากท่านรู้อยู่ถึงความควรไม่ควร แต่หากกลับปล่อยปละละเลยจิตใจให้เยื่อใยอย่างนี้เกิดแล้วเกิดเล่ากรรมทางใจอย่างนี้ย่อมก่อภพก่อชาติให้แก่ท่านต้องรับทุกข์อีกนับไม่ถ้วน...
    ประสบสิ่งไม่รักเป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมปรารถนา ก็เป็นทุกข์ จึงหันมาพึ่งพาทางธรรมะดับร้อนก็จะสามารถดับร้อนไปได้อีกทาง




    การวิเคราะห์ เรื่องธรรมะดับร้อน
    ดังนั้น คนเราต้องพึงหมั่นรู้ตัว รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ศึกษานามรูปด้วยความรู้สึก ไม่ใช่นึกคิด
    กิเลสอาศัยอาหารคือความคิด หากไม่คิด ไม่นึก กิเลสก็ไม่มีที่อาศัย แต่ธรรมชาติของนามก็ต้องรู้อารมณ์ ซึ่งมักเป็นไปกับการรู้เรื่องราวโดยมาก หากมีความรู้สึกเกิดขึ้นเพราะความรู้ตัว ความจริงประกาศด้วยความรู้สึก เป็นความจริง ของจริงที่ประจักษ์แก่ใจได้..... ขณะนั้นความนึกคิดก็เกิดไม่ได้ เพราะจิตเกิดได้ทีละหนึ่งดวง รู้อารมณ์ได้ทีละอารมณ์ เมื่อรู้สึก ก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้นึกคิด ไม่รู้บัญญัติ บัญญัติปกติก็ไหลไปกับอดีตสัญญา บ้าง อนาคตบ้าง ปรุงแต่ไปโดยไม่มีความจริงรับรอง เมื่อรู้ความจริง เห็นโฉมหน้าความจริงมากๆเข้า จึงรู้ว่า กิเลสนี้เป็นเพียงนามที่เกิดขึ้นด้วยปัจจัยปรุงแต่งเท่านั้น หาสาระอะไรไม่ได้ ที่เห็นเป็นสาระเพราะไม่รู้ จึงยึดถือมั่นหมายไว้ อุปาทานก็เข้าประกอบ แล้วกรรมทางใจ ทางวาจา ทางกายก็ต้องเกิด เพราะอุปาทานอำนาจเขามากแล้ว เข้าถึงความมีกำลังแล้ว หากรู้ตัวบ่อย เยื่อใยที่ไร้สาระ ไม่ประกอบความชอบธรรมก็ค่อยๆหมดอำนาจลงไป ที่อาศัยทางใจก็ถูกสยบไปด้วยปัญญาที่เกิดขึ้นมามีกำลังแล้ว
    ที่ใช่คำว่าสยบ เพราะยังไม่ได้ประหานอย่างแท้จริง แต่เพราะความรู้ตัวนั้นเกิดได้บ่อยๆทั้งวัน ไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกเวลา กุศลนี้จึงมีกำลังเพราะเจริญได้บ่อยๆ จิตที่เป็นกุศล ย่อมเข้าพร้อมด้วยหิริโอตตัปปะ ด้วยสติทุกดวง โดยเฉพาะปัญญาย่อมมีกำลังมาก ย่อมกำจัดเสียซึ่งความอาวรณ์นี้ให้ไม่มีอำนาจต่อจิตใจอีกต่อไปในที่สุด... บางที..... อารมณ์ที่มัดใจไว้อย่างนั้น ย่อมคลายออก ย่อมหมดเหตุปัจจัยในเร็ววันนี้ ขอให้ท่านพิจารณาและเห็นประโยชน์ แห่งการละต้นเหตุแห่งทุกข์นี้ด้วย ความรู้ตัว

    ตอบลบ
  18. เรื่อง ธรรมะดับร้อน
    ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองของเราแย่ลงทุกวัน ความแตกแยกในบ้านเมืองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของคนไทยก็ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ในอินเตอร์เน็ตด่ากันว่าโง่ ฝ่ายนี้โง่ ฝ่ายนั้นโง่ ภาพเหี้ยกอดกัน ภาพตกแต่งตัดต่อเพื่อสนองตัณหา ความสะใจของตนโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ความสนุกสนานของตนนั้น กำลังสร้างความแตกแยกให้คนในชาติมากยิ่งขึ้น มีพระรูปหนึ่งมาพูดเรื่อง"ก้าง" ท่านว่าพระก็ต้องเลือกข้างมิฉะนั้นก็เปรียบเสมือนก้าง (ในที่นี้คิดตัวถ่วงความเจริญ)ไม่เข้าใจว่าทำไมพระรูปนั้นต้องพูดแบบนั้น แบบนี้ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในหมู่สงฆ์ซึ่งถือว่าเป็นบาปหนักหรือไม่? แต่หากข่าวที่ได้มาไม่ใช่ความจริงแหล่งข่าวที่นำเสนอจะได้รับผลกรรมอย่างไร?
    เหตุการณ์ที่ผ่านมา คนก็ตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาด่าว่า "หนักแผ่นดิน" "สมควรตาย" "ตายห่าไปได้ก็ดี" คนตายเป็นเรื่องดีเหรอครับ? น่าเศร้าจริงๆ กับสังคมนี้สังคมไทยที่การศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจคนเลย เพียงแค่เพราะความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับท่าน ท่านก็รู้สึกดีใจที่ฝ่ายตรงข้ามท่านตาย และน่าเศร้ายิ่งขึ้นไปอีก คือ คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดกลับมีพฤติกรรมดูถูกภูมิปัญญาคนอื่นเราไม่ใช่พระ ถึงจะเคยอ่านหนังสือธรรมะมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะนำธรรมะมาสอนคนอื่นได้ เวลาพูดเรื่องธรรมะกับคนอื่น ผมทำได้ก็แค่จำคำที่พระท่านเทศน์มาพูดต่อ แค่นั้นเอง มีคำสอนมากมายที่ผมชอบ และมีคำสอนง่ายๆ ที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันมาให้พิจารณา ผมจำคำพระเทศน์ได้ว่า"ของที่โยมนำไปให้คนอื่น หากเค้าไม่รับของสิ่งนั้นก็ย่อมตกเป็นของเจ้าของเดิม คำพูดก็เหมือนกัน หากโยมไปด่าว่าเค้า แล้วเค้าไม่รับ คำพูดนั้นก็ตกเป็นของโยม"หวังว่าคงจะมีสติกันมากขึ้นจะด่าใครก็ให้คิดด้วย ใช้สติใช้เหตุผลให้มากๆ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ไล่ให้เค้าไปตาย ด่าพ่อด่าแม่เค้า หรือดูถูกว่าแมร่งโง่ กูฉลาดกว่าพ่อมึง ดังจะเห็นได้ในอินเตอร์เน็ต และสังคมไทยในปัจจุบันอย่างไรก็ตามก็ต้องขอไว้อาลัยกับทุกฝ่าย ให้กับการสูญเสียในครั้งนี้ และหวังว่ามันจะเป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ถึงแม้จะเป็นไปได้ยากก็ตาม

    ตอบลบ
  19. สรุป เรื่อง มองลึก นึกไกล ใจกว้าง
    “น้ำทุกหยดมักมีต้นน้ำ เราทุกคนต่างก็ไหลออกมาจากต้นน้ำของเราลงสู่ลำธาร ละหารห้วย ทะละลวงไปจนถึงมหาสมุทร”ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่าเราทุกคนต่างก็มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน เผ่าพันธุ์เดียวกันแต่พอเติบโตขึ้นต่างก็ย้ายกันไปทำงานต่างที่ต่างถิ่น เช่นอยู่ต่างประเทศ ต่างบ้าน ต่างเมือง ของตนแต่ก็ยังไม่ลืมถิ่นฐานบานเกิดตนเอง เช่นเดียวกับเรื่องที่ยกตัวอย่างให้ดู เช่นเป็นคนไทยแต่ไปทำงานที่ต่างประเทศแต่ก็ยังไม่ได้กลับพัฒนาประเทศและนึกคิดอยากจะกลับมาพัฒนาประเทศหรือพัฒนาประเทศของตน เช่นกับการช่วยเหลือเรื่องเศรษฐกิจบ้านเมือง แต่ต้องเน้นการช่วยเหลือเกื้อกูล เน้นเรื่องน้ำที่หยดลงบนต้นน้ำ เพราในรอบปีที่ผ่านมาคนไทยชอบทะเลาะกันในประเทศ ชอบทำร้ายกันและตีกันเองเพราะฉะนั้น เราจะต้องช่วยกันกระตุ้นคนไทยให้หันกลับมารักกัน โดยมีธรรมะ 3 ข้อ คือ มองลึก นึกไกล ใจกว้าง
    การมองลึก คือการมองคนที่ภายในไม่ใช่ภายนอกให้มองที่จิตใจที่แท้จริงของคน คนนั้น ว่าเขาเป็นเช่นไร อย่ามองภาพลักษณ์ ภายนอกที่เราเห็นกันอย่างฉาบฉวย แล้วเติมเอาว่าสิ่งนั้นเป็นจริงแค่ไหน และที่สำคัญ อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เพราะสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
    การนึกไกล คือ อย่านึกแค่ว่า เราจะได้อะไร ควรนึกว่าต่อไปเสมอว่าในขณะที่เราทำอะไรคนอื่นเขาต้องเสียอะไร เช่น การที่เราจะทำอะไรที่ได้ผลประโยชน์มาก ควรมองดูเพื่อนคนอื่นว่าเขาขาดผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหน
    ใจกว้าง คือ การที่ใจเราปราศจากอคติใดๆ สามารถอยู่ร่วมกับคนทั้งโลกได้ ฉันพี่น้อง ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ไม่หวังสิ่งตอบแทนและใจกว้างกับผู้ตกทุกข์ได้ยาก เพราะในสมัยนี้คนไทยใจแคบเหลือเกินมีการแบ่งพรรค แบ่งพวก เป็น 2 ฝ่าย คอยแต่จะขัดแย้งกัน ตลอดไม่มีใครยอมใคร ใจแคบ ไม่ปล่อยวาง เพราะฉะนั้น เราเป็นมนุษย์เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ควรมีหลักการในการดำรงชีวิต คือ มองลึก นึกไกล ใจกว้าง ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินชีวิตแบบสันติสุข
    การวิเคราะห์ เรื่อง มองลึก นึกไกล ใจกว้าง
    การวิเคราะห์การอ่านหนังสือเล่มนี้ จะสอนเรื่องเกี่ยวกับ การปฏิบัติตนในสังคมที่วุ่นวายที่เต็มไปด้วยการทะเลาะ และคนไทย และในเรื่อง การมองคน โดยมีหลักการอยู่ 3 หลักการใหญ่ๆ คือ มองลึก นึกไกล ใจกว้าง สำหรับดิฉัน ดิฉันคิดว่าการมองลึก คือ การมองคนอย่ามองแต่ภายนอก หรือ ภาพลักษณ์ต่างๆ ของคนเรา ควรมองที่จิตใจมากกว่า เพราะจะสามารถทำให้คนเรารู้ว่าคนๆ นั้น เป็นคนแบบไหนกันแน่ เขาจริงใจกับเราแค่ไหน การนึกไกล คือการที่เราทำอะไรแต่ต้องนึกถึงผู้อื่นด้วยว่าสิ่งที่เราทำมันจะกระทบต่อผู้อื่นหรือไม่ ทำให้ผู้อื่นสูญเสียหรือเปล่า การใจกว้าง คือ การที่มีน้ำใจต่อเพ่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่เป็นคนใจแคบและมีการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่แบ่งพรรค แบ่งพวก นี้ก็เป็นวิธีการตรวจสอบงบดุลชีวิตของเราได้ว่า แต่ละปีหรือแต่ละวันเราได้กำไรชีวิตมากน้อยแค่ไหน

    ตอบลบ
  20. นายธีระนัย ภักดีเลิศ สสท.2/1 เลขที่ 32

    สรุปเรื่อง “มองลึก นึกไกล ใจกว้าง”

    มองลึก คือเวลาจะมองอะไร อย่ามองแค่ปรากฏการณ์ อย่ามองภาพลักษณ์ภายนอกที่เราเห็นกันอย่างฉาบฉวย แล้วก็เติมสิ่งนั้นว่าเป็นความจริงสูงสุดแล้ว กล่าวคือ อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เพราะสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตานั้นคือ “มองลึก”
    การศึกษา มองลึก ก็ต้องมองว่าเมื่อเราเรียนหนังสือนั้นเราไม่ได้ต้องการแค่ความรู้เราไม่ต้องการแค่ปริญญา แต่เราต้องเอาปัญญาด้วยต้องขอบคุณปัญญาใหม่ๆ มาเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ในการดำเนินชีวิตของเราด้วย แต่ในเมืองไทยของเรานาทีนี้ เรามองการศึกษาไปแค่ปริญญา พอได้ปริญญาก็พอใจแล้ว มุ่งไปที่ปริญญามากกว่าปัญญา ฉะนั้นเรามองการศึกษา ต้องมองให้ลึก ปริญญาเราก็เอา แต่ปัญญาต้องไปให้ถึงนั่นคือเป้าหมายของการศึกษา

    วิเคราะห์ “มองลึก นึกไกล ใจกว้าง”

    นึกไกล คือ อย่านึกแต่ว่า ฉันได้อะไร ควรนึกต่อไปเสมอว่า ในขณะที่ฉันได้อะไร คนอื่นเขาต้องเสียอะไร คนไทยทะเลาะกันทุกวันนี้ก็เพราะเรานึกแต่ว่าฉันได้อะไร แล้วคนอื่นจะเสียอะไรช่างหัวมัน ดังนั้นถ้าเราเห็นแก่ตัว คือ การทำร้ายตัวเอง คนที่เห็นแก่คนอื่น คือ คนที่รักตัวเอง คนที่เดือดร้อนทุกวันนี้เป็นคนที่เห็นแก่ตัวทั้งนั้น เขาคิดว่าที่เขาทำอยู่เขากำลังจะได้ๆจึงทำเต็มที่ หาทุกสิ่งทุกอย่างเข้าตัว เพื่อให้ตัวเองได้ แต่ในขณะที่เขาได้ คนอื่นก็ได้รับความเดือดร้อน คนอื่นจะเริ่มเกลียดชังเขา เห็นไหมครับเห็นแก่ตัวคือ การทำร้ายตัว แต่คนที่ช่วยคนอื่น คือคนที่กำลังทำเพื่อตัวเองที่แท้จริง
    ใจกว้าง คือ ฝึกใจของเรานั้นให้กว้างขวาง หลุดออกจากอคติทั้ง 4 ประการ คือ
    ลำเอียงเพราะรัก
    ลำเอียงเพราะชัง
    ลำเอียงเพราะหลง
    ลำเอียงเพราะกลัว
    ใจของเรานั้นถ้าปลดอคติทั้ง 4 ออกไป จะเปรียบเสมือนนกอินทรีที่บินได้ทั่วทั้งโลก แต่ถ้าก้าวไม่พ้นอคติทั้ง 4 ประการ ใจของเราก็เหมือนนกกระจอก ที่บินได้นิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ต้องหยุดพัก บินได้ไม่เสรี ใจที่ปลอดจากอคติ เป็นใจที่มีศักยภาพสูงมาก ใจที่ไม่มีอคติ เป็นใจที่กว้างกว่าท้องฟ้า เป็นใจที่กว้างกว่ามหาสมุทร เป็นใจที่แจ่มกระจ่าง

    ตอบลบ
  21. นางสาววัชราภรณ์ หงษ์คำเมือง เลขที่ 21
    สรุป มหัฐานแห่งรัก
    ความรัก เป็นกิเลศพื้นฐานที่มีอยู่แล้วในใจของมนูษญ์ทุกคน จนอาจกล่าวได้ว่า เราทุกคนล้วนเป็นผลผลิตของความรักนมิติหนึ่งเสมอ ความรักไม่ได้เเพีบงมิติเดี่ยว มี ๔มิติ
    ๑รักตัวกลัวตาย
    ๒รักใคร่ปราถรถนา
    ๓รักเมตตาอารี
    ๔รักมีแต่ให้
    อิทธิบาท ก็คือ ากฐานแห่งความสำเร็จ หรือเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ ความรักชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะนำไปสู่ความสำเร็จของการแสวงหาความรู้ก็ต่อเนื่องธรรมอีกสี่ประการค้วยกัน คือ
    ๑.มีใจรัก (จริงจัง คลั่งไคล้ ใหลหลง)
    ๒.พากเพียรทำ(ไม่ระย่อ ไม่ท้อ ไม่ถอย)
    ๓.จดจำจ่อจิต(ทุ่มเท อุทิศตน เป็นคนมุ่งมั่น)
    ๔.วินิจวิจัย(วิเคราะห์ ิจารณ์ญญา วิจัย)
    ผู้ที่ไม่ใช้สติปัญญาให่เหมาะสมกับโอกาส
    คือคนดื้อรั้น
    ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็นคือคนโง่
    ผู้ไม่กล้าใช้สติปัญญาคือทาส
    หนทางสู่ความเป็ยเลิศ
    คนทุกคนบนโลกน้ีที่มีความรู้ในทางศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งอย่างลึกซึก หรือเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ลอกไปถามคนเหล่านั้นดูเถิดไม่มีใครเริ่มต้นจาก ความรัก ปรืแ ธรรมฉันทะ นี้ได้เลย
    และความรัก (ธรรมฉันทะ)นี่เอง จะนำเราไปสู่ความรู้ได้ก็ต่อเมื่อ ตั้งประกอบชุดขององค์ธรรมทั้ง ๔ ประการ อย่างครบถ้วนบริบูรณื
    เหมือนดังที่ท่านพุทธทาสภิขุได้ถือปฏิบัติเมื่อคั้งในอดีต เพราะเมื่อท่านรักที่จะแสวงหาควารู้แล้ว ทั้งๆที่ท่ายอาศัยอยู่ในวัดป่า
    "แต่เมื่อท่่านมีความรักในการที่จะแสวงหาความรู้เสียแล้วป่าทั้่งป่าก็ไม่สามารถกั้นความใฝ่เรียน ใฝ่รู้ หรือหรือไม่เป็นพรมแดนกั้นความจริงจัง คลั่งไคล้ หลงใหล ในสัจจธรรมของท่่าน"
    วิเคราะห์
    ความรักคือความสุขชนิกหนึ่ง ความรักสามารถแปลได้หลายแบบ รักคือไม่ได้หมายความความว่าจะเป็นรักที่ต้องครอบครอง แต่ก็รักที่จะเสียสละและมีความสุขกับคนที่เรารัก ถ้าคิดแบบนี้ชีวิตก็จะไม่ขุ่นมั่ว เราต้องคิดด้วยว่าเรารักอะไรเราต้องค้นพบตัวเองก่อนและเราต้องลงมือเพื่อคนพบด้วยเอง และที่เราทำออกมาก็จะเกิดเป็นความคิดที่บริสุทธิ์และจะเกิดความคิดสร้าง ความรักไม่จำเป็นต้องเป็นรักเชิงชู้สาว แต่เป็นรักในการเรารักที่จะทำ "มหัสจรรย์แห่งรักเป็นการสอนให้เรารู้ว่าเรารักอะไและรักที่จะทำอะไรและลงมือทำ และให้เราค้นพบตัวเราเองเพื่อเราจะมีความสุขกับการทำงาน"

    ตอบลบ
  22. สรุป เรื่อง ธรรมะสบายใจ
    หนังสือ “ธรรมะสบายใจ” นั้นเป็นหนังสือที่มีจุดประสงค์เพื่อที่ต้องการจะให้เป็นคู่มือในการลับมาเรียนรู้ดูและดูแล “ใจ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีความสุขซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เราเกิดทั้งความทุกข์และเกิดความสุข ดังนั้นเราจึงควรดูแลมันให้เป็นอย่างด เพราะในปัจจุบันสังคมและสภาวะแวดลอมต่าง ๆ ได้เจริญเติบโตขึ้นมากและเกิดการแข่งขันในด้านต่าง ๆ อีกมากมายซึ่งต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมากเพราะเมื่อก่อนนี้มีการเป็นอยู่แบบง่าย ๆ ไม่มีการแก่งแย่งแข่งขัน แต่กลับมีน้ำใจไมตรีต่อกันในบางแห่งถึงกับรู้จักกันทั่วทั้งตำบลซึ่งเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจและมีความสุขเป็นอย่างมากแล้วะทำอย่างไรดีหนอที่เราจะนำบรรยากาศนั้นกลับมาเหมือนเมื่อก่อนแต่เมื่อคิดดูทีมันก็เป็นไปได้ยากที่จะกลับไปสู่บรรยากาศเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเราจึงควรปรับตัวให้มีความสุขกับปัจจุบันด้วยการดูแลจิใจหรือใจของเราก่อนนั้นเอง
    โดยจะยกตัวอย่างหนทางแห่งความสุขนั้นก็คือ “เคล็ดลับแห่งความสุข” ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบถึงคำว่า “มี” และคำว่า “ไร้” ซึ่งในบางครั้งเราไม่จำเป็นมีทุกสิ่งทุกอย่างเราก็สามารถมีความสุขได้ ซึ่งในทางกลับกันถ้าเรามีทุกสิ่งทุกอย่างเราก็ไม่สามารถมีความสุขได้เพราะฉะนั้นเราควรหันกลับมามองดูความต้องการและหันกลับมามองดูใจของตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่แล้วเราจะพบว่าความสุขที่แท้จริงที่เราคิดว่ามันอยู่ไกลบางทีมันอาจจะอยู่ใกล้เราจนเราคาดไม่ถึงก็ได้
    ความสสุขอยู่ที่ใจแต่คนส่วนใหญ่มักไปแสวหาจากที่อื่น

    วิเคราะห์ ธรรมะสบายใจ
    หนังสือ “ธรรมะสบายใจ” เป็นหนังสือที่ให้แนวทางในการดูแลรักษาและเยียวยา “ใจ” ให้เกิดความสุขมีความชื่นบาน ผ่องใส และสามารถยิ้มได้อย่างเป็นสุขเมื่อถึงช่วงป่วนปั่นผัวแปรของชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยในแต่ละบทแต่ละเรื่องและแต่ละคติที่นำมาสอนล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดข้อคิดในหลาย ๆ แง่มุมของเรื่องนั้น ๆ
    สิ่งที่เกิดจากการอ่านหนังสือ “ธรรมะสบายใจ” ทำให้เกิดข้อคิดและแนวคิดที่เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตและวิธีการดูแลจิตใจหรือใจของเราให้เกิดความสุข เกิดความเบาสบายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เราไม่ต้องมานั่งทุกข์อกทุกข์ใจในปัญหาที่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ “ธรรมะสบายใจ” ทำให้เรารู้วิธีการปลดเปลืองปัญหาในการดำรงชีวิต คือ อย่านำปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องของตนมาใส่อกตน และเมื่อมีปัญหาในเรื่องของตนก็ต้องหาทางออกที่ดีที่สุดและปล่อยว่างซะ

    ตอบลบ
  23. นางสาวภัทราภรณ์ บุศรีคำ สสท 2/1 เลขที่ 16

    ธรรมะดับร้อน

    สรุป

    หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือทีทให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมะว่าด้วยเรื่องการเอาชนะมารของพระพุทธเจ้า มีการสอดแทรกธรรมมะและข้อคิดต่างๆ ในเนื้อหาไม่ว่าจะเป็นความเพียรพยายามของพระพุทธเจ้าในการที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อให้ตรัสรู้ การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและพญามารที่มาขัดขวางพระองค์ ดั่งคำที่ว่า มารบ่มี บารมีบ่เกิด
    มารในที่นี้ได้แก่ - มาร คือ กิเลศ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
    - มาร คือ ร่างกาย ความเจ็บปวด ความหิว ความชรา
    - มาร คือ เจตนาที่ปรุงแต่งจิตใจให้กระทำอันเป็นบุญหรือบาป
    - มาร คือ เทพบุตร หมายถึงพญามารชื่อ วสวัตตี ทำหน้าที่ขัดขวางไม่ให้คนทำความดี
    - มาร คือ ความตาย ความตายจัดเป็นมารเพราะเป็นตัวตัดโอกาสทุกอย่างที่คนๆ นั้นพึงจะได้รับหรือกำลังเป็นอยู่
    การอ่อนน้อมถ่อมตนคือสิริมงคลแห่งชีวิต คือการมีสัมมาคารวะต่อผู้อื่น มีการสำรวม มีความนอบน้อมต่อผู้อื่นแค่นี้ก็เป็นผลดีกับชีวิต มีคนรักใคร่ และเอ็นดู
    การมีความรักและความมีเมตตาของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงมีความรัก และความเมตตาต่อทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะประสงค์ดีหรือประสงค์ร้ายต่อพระองค์ แต่พระองค์ก็ยังทรงมีเมตตาตอบ
    การมีความรู้และปัญญา เป็นหนทางแห้งความสำเร็จ ถ้าเรามีปัญหาก็จะสามารถเอาชนะทุกปัญหาใหญ่หรือปัญหาเล็กก็ตาม

    วิเคราะห์

    หนังสือเล่มนี้สอนให้เรามีความอดทนในการใช้ชีวิตในสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร ก็ควรใช้สติและปัญญาในการแก้ไข อย่าแต่อารมณ์ ควรระลึกอยู่เสมอว่ายิ่งใช้อารมณ์มากเท่าไหร่ปัญหาก็ยิ่งมากตามเท่านั้น และควรร้จักประมาณตนว่าอยู่ในฐานะอะไร อยู่ในระดับไหน อย่าใฝ่สูงและมักมากจนเกินไป

    ตอบลบ
  24. นางสาวหนึ่งฤทัย ริโยธา สสท.2/1 เลขที่ 25

    สรุป เรื่อง คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

    วิถีชีวิตของคนไม่น้อยบนโลกใบนี้ ที่พยายามเปลี่ยนยทุกอย่างซึ่งเป็นเรื่องนอกตัวเพื่อหวังให้ชีวิตประสอบความสำเร็จ แต่สิ่งที่คว้ามาได้ก็คือความล้มเหลวที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการเปลี่ยนที่แท้จริงคือการเปลี่ยนแปลงทางความคิด หากเราเปลี่ยนทุกสิ่งแต่ไม่เปลี่ยนความคิดสิ่งดีๆ ก็จะไม่เกิด ความคิดเราก็สามรถเลือกได้ว่าจะคิดถูกหรือคิดผิด ใครก็ตามที่บอกว่าชีวิตนี้มีทางเดียว คนอย่างนี้เวลาเจอปัญหากก็ฆ่าตัวตายสถานเดียว แท้ที่จริงแล้วมนุษย์นั้นมีสองทาง ดังเช่น พระพุทะเจ้าของเราทดลองมาหกปีล้มเหลวทุกครั้ง พระองค์ก็ไม่ได้ฆ่าตัวตาย และก็ไม่ได้กลับไปเสวยราชย์ต่อ พระองค์คิดว่าทางนี้ไม่ใช่มันก็น่าจะมีทางอื่น ความขาวสะอาดของชีวิตเกิดจากการมีชีวิตที่สะอาด การมีบารมีก็ไม่ได้เกิดมาจากเงินแต่เกิดจากการโปร่งใสจนมีคนนับหน้าถือตา เหมือนศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ที่เป็นแบบอย่างของข้าราชการ ที่ท่านเคยให้โอวาทไว้ว่า ความโปร่งใสความสุจริตนั้นเราต้องยึดเอาไว้ให้มั่น ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายเราก็ต้องไม่ตกเป็นทาสการคอร์รัปชั่น การประพฤติมิชอบ เมื่อเราคิดได้ดังนั้นใจเราก็สามาถพัฒนาให้สูงกว่าเดิมได้

    วิเคราะห์

    หนังสือเล่มนี้สอนนให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้โดยการที่เราจะต้องเปลี่ยนวีคิดแล้วชีวิตเราจะเปลี่ยน
    การคิด คิดอย่างไรถึงจะเรียนว่าคิดถูก
    การคิด คิดอย่างไรถึงจะเรียกว่าคิดผิด
    คิดอย่างไรถึงจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น การทำทุกอย่างให้โปร่งใสจะทำให้ชีวิตของเราขาวสะอาด
    และการทำจิตใจให้สูงเพื่อชีวิตจะได้มีความสุข

    ตอบลบ
  25. ธัญญาลักษณ์ สีอินทร์มน สสท 2/1 เลขที่ 6
    สรุปเรื่อง"ธรรมะดับร้อน"
    กว่าที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ และเป็นสาสดาของศาสนาพุทธ
    ที่เราเครพกราบไหว้อยู่ทุกวันนี้ พระองค์ก็ได้ผ่าน ปัญหา
    และอุปสรรคมานานัปการ ซึ่งพระพุทธองค์ ทรงใช้
    "พุทธวิธีชนะมารด้วยปัญญา"
    เอาชนะทุุกอุปสรรค มาได้
    ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ต่างต้องเจอปัญหา เจออุปสรรคเช่นกัน
    ทุกคน ปัญหานั้นทำให้เราทุกข์ใจ เดือดร้อนใจ บางคนเจอปัญหาใหญ่
    บางคนเจอปัญหาเล็ก แตกต่างกันไป แต่ละคนจะเอาชนะความทุกข์ร้อน
    นี้ได้อย่างไร "ธรรมะดับร้อน" เล่มนี้ มีคำสอนของพระพุทธองค์
    สอนให้เรา ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา
    มิใช่ใช้แต่อารมณ์และความรุนแรง
    เราควร มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    จะช่วยให้ชีวิตเรา ดำเนินไปอย่างมีความสุขแม้จะมีอุปสรรค
    อย่างไรก็ตาม ถ้าปฏิบัติแล้ว ชีวิตเราจะปราศจาคความมัวหมอง
    จิตใจจะผ่อใส ไร้ความทุกข์ร้อนใจ

    วิเคราห์เรื่อง "ธรรมะดับร้อน"
    ไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่พบกับปัญหา และอุปสรรค ในการดำเนินชีวิต
    การที่เราจะแก้ปัญหานั้นต้องมี สติ ปัญญา
    พระพุทธองค์ สอนเราในสิ่ง ดีๆ เราควรทำแต่สิ่งดีๆ
    แม้จะมีปัญหานับร้อยพันเข้ามา
    เราก็สามารถเอาชนะได้ อย่างแน่นอน

    ตอบลบ
  26. คิดถูก โปร่งใส ใจสูง
    คิดถูก คือ ว่ากันว่าเข็มทิศมักนำไปใช้นำทางให้เราไปสูจุดมุ่งหมายไม่ว่าจะเป็นนักเดินเรือหรือเข้าป่าก็ตามมักมีเข็มทิศไว้สำหรับบอกทางแต่ถ้าเปรียบความคิดกับเข็มทิศของเราก็คือ ถ้าเรา คิดดี คิดถูก ชีวิตของเราก็จะนำไปสู่ความสำเร็จ
    โปร่งใส คือ มีคำสุภาษิตที่ว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน การที่เราอะไรด้วยความสุจริจเราจะรู้สึกสะบายใจแม้จะไม่มีใครเห็นก็ตามแต่ผลบุญก็จะนำมาซึ่งความเจริญต่อไปแน่นอน ความทุจริจสามารถเกิดขึ้นกับทุกคนได้ทุกเมื่อแล้วแต่ใครจะเลือกเดินไปทางไหนของความถูกต้องตามที่ท่า ว.วชิรเมธี ได้กล่าวเอาไว้
    ใจสูง คือ สัตว์โลกมีอะไรเหมือนๆกันไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ คือ การกิน การดื่ม การสืบพันธุ์ การหลับ แต่ที่คนเราต่างจกสัตว์ก็ตรงที่เราจะมีพัฒนาการในด้านความคิดมากกว่าสัตว์ แต่ในโลกของการเรียนรู้ทุกวันนี้มักสอนแต่วิธีการกิน แต่ไม่ได้สอนจรรยาบรรณในการทำมาหากินเลยทำให้ทุกวันนี้คนเราแทบจะไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานมากขึ้นทุกวันแล้ว
    ความคิดของคนเรามีหลายความคิดแล้วแต่ว่าเราจะเลือกคิดแบบไหน ถ้าใครคิดไปในทางที่ดีก็จะสามารถนำพาชีวิตไปในทางที่ดีได้แต่ถ้าคิดไปในทางที่ผิดชีวิตของเราก็จะแย่ลงไปเลื่อยๆ
    คนเราสารถแบ่งความคิดออกเป็น 11 ความคิด
    1.คิดฟุ้งซ่าน 2.คิดตามสัญชาตญาณ
    3.คิดตามการบงการของกิเลส 4.คิดตามสภาพแวดล้อม
    5.คิดตามสิ่งเร้า 6.คิดตามระบบความคิด
    7.คิดตามทฤษฎี 8.คิดตามประสบการณ์
    9.คิดข้ามกระบวนการแห่งความสัมพันธ์ 10.คิดแบบวิทยาศาสตร์
    11.คิดแบบไสยศาสตร์
    ความคิดขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกคิดปฎิบัติแนวทางไหนขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกของแต่ละบุคคล
    วิเคราะห์สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้
    โลกและชีวิตของคนเรานั้นจะเป็นไปอย่างไรขึ้นอยู่กับความคิด ความคิดเปรียบเสมือนแสงดาวประจำทิศของนักเดินเรือ นักเดินเรือในสมัยก่อนนั้นเวลาอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลในที่ยังไม่มีการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์สูงนัก นิยมใช้แสงดาวประจำทิศบอกทิศทางที่จะมุ่งไปข้างหน้า ในยุคต่อมาจึงใช้เข็มทิศและประภาคารตามลำดับ
    เรือชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกัน เรือชีวิตของเราจะมุ่งไปถึงเป้าหมายโดยสวัสดีได้ก็ต้องมีเข็มทิศนำทาง เข็มทิศที่ว่านี้ก็คือเข็มทิศความคิด
    สรุปสั้นๆว่า
    ถ้าเราคิดถูก เรือชีวิตของเราก็จะไปถูกทิศถูกทาง
    ถ้าเราคิดผิด เรือชีวิตของเราก็จะไปผิดที่ผิดทาง

    ตอบลบ
  27. นางสาวนิตยา มะสิกา สสท.2/1 เลขที่ 8
    สรุปเรื่อง มองลึก นึกไกล ใจกว้าง ว.วชิรเมธี
    น้ำทุกหยดมีต้นน้ำเราทุกคนก็ต่างใหลออกมาจากต้นน้ำของเราลงสู่ลำธารละหารห้วยทะลุทะลวงไปจนถึงมหาสมุทร และในทุกๆปี เชื่อใหมว่าทุกคนมีเรื่องนี้เหมือนกันหมด คือ “เรื่องดีที่อยากเล่า เรื่องเศร้าที่อยากลืม” ปีนี้อาตมาก็มีพรปีใหม่ฉบับยาว ๙ ข้ออันเป็นฉบับระดับประเทศครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย แต้อาตมาลดจาก ๙ ข้อ เหลือเพียง ๓ ข้อ นั่งคือ “มองลึก -นึกไกล – ใจกว้าง”
    มองลึก : เวลาจะมองอะไรอย่ามองแค่ภาพลักษณ์ภายนอกของบุคลที่เราเห็นเท่านั้น เพราะสิ่งนั้นเราอาจมองไม่เห็นด้วยตา นี้คือ การมองลึก
    นึกไกล : คือ “เอ..ในขณะที่ฉันไดอะไร คนอื่นเขาเสียอะไรบ้าง “ เป็นการปลูกฝังให้เรามีจิตสำนึกไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะถ้าเราเป็นคนเห็นแก่ตัว นั้นคือ เป็นการทำร้ายตัวอง และคนเห็นแก่คนอื่น นั้นเป็นคนที่กำลังรักตัวเอง ถ้าเราฝึกนึกไกลคือ การที่เรานึกว่า นอกจากนั้นจะได้อะไรแล้ว คนอื่นเขาควรจะได้อะไรบ้าง และ”ในขณะที่ฉันได้อะไรแล้ว คนอื่นเขาเสียอะไรบ้าง”ถ้านึกอย่างนี้เราเรียกว่า นึกไกล “นึกไกล้ คือ นึกเห็นแก่ตัว” “นึกไกล คือ นึกเห็นหัวอกของคนอื่น” ฉะนั้น ทุกคนต้องฝึก “นึกไกล”เราจะมีอนาคต ถ้าเรา “นึกไกล้” เราจะเสียอนาคต
    ใจกว้าง : คือการฝึกใจของเรานั้นให้กว้างขวางหลุดออกจากอคติทั้ง ๔ ประการคือ การลำเอียงเพราะรัก การลำเอียงเพราะชัง การลำเอียงเพราะหลง การลำเอียงเพราะกลัว ใจของเรานี้ถ้าปลดอคติทั้ง ๔ ประการนี้ออกไปได้ เราก็เสมือนนกอินทรีที่บินไปได้ทั้งโลก “ใจที่ไม่มีอคติคือใจที่กว้างกว่าท้องฟ้า” ถ้าอยากทำให้ใจของเราสูงให้ฝึก ถ้าไม่ฝึกก็ไม่สูง ฉะนั้น อยากให้มองลึก นึกไกล ใจกว้าง เป็นพรที่ต้องลงมือทำ “เพราะพรใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ”
    ความทุกข์ ๓ ระดับ : ไม่มี ไม่พอ และไม่เท่า
    คือทุกข์เพราะไม่มี ,ทุกเพราะมีแต่ไม่พอ,ทุกเพราะมีแต่ไม่เท่า
    “คนทั่วไปทุกข์เพราะไม่มี คนปานกลางทุกเพราะไมพอ คนชั้นสูงทุกข์เพราะมีแต่ไม่เท่า”
    วิถีทางแห่งความสุขไม่ใช่มีและจนแต่ความมีเท่าที่จำเป็นต้องกินต้องใช้มีเท่าที่จำเป็นแค่นั้นก็ก็เป็นสุขแล้ว
    ตัณหา มานะ ฐิทิ : กิเลสระดับหัวหน้าพรรค
    กิเลสระดับหัวหน้าพรรคมี ๓ ตัวด้วยกัน
    คือ ตัณหา ใช้ภาษาง่ายๆ ว่า ความละโมบโลบมากในผลประโยชน์
    มานะ ใช้ภาษาง่ายๆ ว่า ความบ้าอำนาจ
    ฐิทิ ใช้ภาษาง่ายๆ ว่า ความใจแคบ
    ทั้งหมดคือ “อยากได้ อยากใหญ่ ใจแคบ”

    วิเคราะห์เรื่อง มองลึก นึกไกล ใจกว้าง ว.ชิรเมธี
    คือการที่เราได้รูว่า การมองลึก นึกไกล ใจกว้าง นั้นมีส่นในการดำเนินชีวิตประวันของเราและได้รู้ว่าการมองลึกนั้นเวลาจะมองอะไร อย่ามองแค่ภาพลักษณ์ภายนอกที่เราเห็นและอย่าตัดสนคนอื่นด้วยการกระทำเพราะสิ่งนั้นอาจไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจและการได้เรียนรู้เกี่ยวการนึกไกลว่าในขณะที่เราได้อะไรจากคนอื่นแล้วคนที่ให้เราเสียอะไรบ้างและยังช่วยในการปลูกฝังจิตใต้สำนึกว่าการเป็นคนเห็นแก่ตัวนั้นคือการทำร้ายตัวของเราเอง แต่กับการที่เราเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นนั้นคือการที่เรากำลังรักตัวของเราเองและการที่เราเป็นคนที่ใจกว้างนั้นเราจะต้องลบอคติที่มีต่อผู้อื่นเพราะใจที่ไม่มีอคตินั้นเป้นใจที่กว้างกว่าท้องฟ้าและอยากให้มองลึก นึกไกล ใจกว้าง เป็นพรที่ต้องลงมือทำ “เพราะพรใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม้ทำ”

    ตอบลบ
  28. วิมลวรรณ อนุพันธ์ เลขที่23

    มหัศจรรย์แห่งรัก 2
    14 มิติรัก จากนักปราชญ์ สู่ความชาญฉลาดใน ความรัก
    ความรักคือความสุขชนิดหนึ่งของมนุษย์
    ความรักคือการอยู่รอดและความหลุดพ้นจาพัธนาการแห่งความอ้างว้าง
    “กว่าจะจะเข้าใจคำว่ารักว่าอยากแล้ว การได้รักอย่างเข้าใจอยากยิ่งกว่า”
    มิติที่ 8 Knowledge รัก เรียน รู้
    ความรักที่ใช้ในการศึกษาหาความรู้ ก็คือความรักมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์
    เพตโต นักปรัชญา กล่าวว่า
    ผู้ที่ไม่ใช้สติปัญญาให้เหมากสมกับโอกาส คือคนดื้อรั้น
    ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็นคือคนโง่ ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่ได้คือทาศ

    มิติที่ 9 Awakening In Work งานได้ผลคนก็เป็น สุข
    ความรักที่จะทำงาน ความรักที่สร้างสรรค์ ความรักที่จะพัฒนา ความรักที่จะทำอะไรก็ตามให้ดีอย่างถึงที่สุด เคล็ดลับที่จะประสบความสำเร็จ คือ การมีความรักในงานที่ทำ

    มิติที่ 10 Politician คนของแผ่นดิน
    ความรักที่จะนำมาใช้ในการเมืองการปกครอง คือ ความที่มีชื่อว่าความกรุณา ก็คือความปรารถนาที่จะเห็นประเทศชาติและประชาชน มีพัฒนาการในทิศทางที่ดีขึ้น
    ดร.ซุน ยัตเซน ประธานาธบดีท่านแรกแห่งสาธารณรัฐจีน กล่าวว่า
    “ถ้าเราเชื่อมั่นว่าทำได้ ต่อให้ยกภูเขา ถมทะเล ในที่สุดก็สำเร็จจนได้
    แต่ถ้าเราคิกว่าทำไม่ได้ แม้เพียงพลิกฝ่ามือ ก็ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ”

    มิติที่ 11 Think Earth เราคือโลก
    ความรักที่เรามีต่อโลก ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรียกว่าความ กตัญญู
    ดิธ นัช ฮันห์ มหาเถร แห่งหมู่บ้านพลัม กล่าวว่า
    “โลกเป็นของมนุษย์
    ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของมนุษย์
    ที่จะทำให้โลกน่าอยู่”

    มิติที่ 12 WE Are The World โลกทั้งผองพี่น้องกัน
    ความรักที่เรามีควรมอบให้แก่มนุษยชาติ คือ ความเมตตา

    มิติที่13 Forgive Vs Revenge อภัยทาน กับ การแก้แค้น
    การให้อภัย คือ ความหมายหนึ่งของความกรุณา
    ลอร์ด เออร์ เบิร์ต นักปรัชญาและนักวิทยา ชาวอังกฤษ กล่าวว่า
    “คนที่ไม่อาจยกโทษให้ผู้อื่นได้
    จะทำลานสะพานที่ตนเองต้องเดินข้ามด้วยเช่นกัน”

    มิติที่ 14 Freedom รักสู่อิสรภาพ
    ความรักที่อิสรภาพ คือ ความรักที่ผลิบานขึ้นในจิตใจ
    อี .เอฟ ชู เมก เกอร์ นักเขียนและนักเศรษฐศาสตร์ แนวพุทธ กล่าวว่า
    “ความจริงแล้วมนุษย์เป็นประดิษฐกรรมอันวิเศษสุด
    ประกอบด้วยเหตุผลอันสูงส่ง
    ประกอบด้วยศักยภาพอันไม่สิ้นสุด
    เพราะพลังแห่งการรู้เท่าทันตนเอง”

    วิเคราะห์
    หนังสือเล่มนี้ สอนให้รู้จักคำว่า รัก เข้าใจในความรัก ฉลาดที่จะรัก รักให้ถูก รัก ให้เป็น เรียนรู้และเข้าในความรัก

    ตอบลบ
  29. จากหนังสือเรื่อง ธรรมมะสบายใจ
    หนังสือเล่นนี้ผู้เขียนได้บรรยายถึงเคล็บลับของความสุขที่ได้จากลมหายใจของเรา พร้อมทั้งเปลี่ยนวิธีคิดปรับทัศนคติ ให้มองโลกในมุมมองใหม่ ค้นพบความสุขที่แท้จริง และทำชีวิตประจำวันทำหน้าที่ของตนเองงานของตนเองควบคู่ไปกับความผ่อนคลายสบายใจ และบทความทุกบทในเหนังสือล่นนี้ก็ล่วนแต่มีจุดประสงค์เหมือนกัน คือ อ่านแล้วเราสบายใจเราคิดตามทำตามหลักก็มีความสุขแล้ว ชีวิตเราจะมีความสุขก็ต่อเมือ เรารู้และเราปฎิบัติและนอกจากจะทำให้เราสามารถปฎิบัติตามได้จริงแล้วเรายังสามารถนำมาเผยแพร่เพื่อให้คนอื่นได้รู้ เช่น เราอ่านแล้วเราสามารถสอนคนอื่นให้ปฏิบัติตามที่เราอ่านได้ หรือไม่ เราก็สามารถนำหนังสือที่เราอ่านจบแล้วไปให้ผู้อื่นที่สนใจอ่านตอได้อีก นับว่าหนังสือเล่นนี้มีประโยชน์มาก ดิฉันชอบบทความหลายเรื่องในหนังสือเล่มนี้บางบทความสอนให้เรารู้จักการให้ ก็คือ การเป็นผู้ให้มากกว่าการเป็นผู้รับ การให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ และดิฉันยังขอเสนอบทความบางบทที่นำมาจากการอ่านหนังสือเล่มนี้มาเขียนเพื่อให้ทุกคนที่อ่านบทความของดิฉันได้คิดและอาจจะมองโลกในอีกแง่มุมหนึงในชีวิตเลยก็ได้
    ขอเสนอบทความที่ชอบอยู่บทความหนึ่ง ซึ่งทบความเรื่องนี้เป็นบทความเรื่องที่ สอง ภาค 1 ลายแทงความสุข ชื่อเรื่องว่าความสุขที่แท้จริง ดิฉันชอบสิงที่ผู้เขียนต้องการสื่อออกมาว่า บางที่ ความสุขที่แท้จริงอาจไม่ใช้ทรัพสินเงินทอกก็ได้ ขอเล่าบทความนี้พอคล่าวๆ เรื่องคือ ชายแก่คนหนึ่งแต่งตัวมอซอ เสื่อผ้าเก่าๆ นั้งตกปลา อยู่ที่ริมบึงแห่งหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่เบิกบาน อารมณ์ดี นั้งตกปลามองแมลงปอที่มันหยอกล้อเล่นกันอยู่เหนือผิวน้ำ และร้องเพลงผิวปากด้วยความสุขอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน ภบค่ำของวันหนึ่ง มี มหาเศรษฐี คนหนึ่งมาพร้อมกับ คนขับรถ มานั้งตกปลาอยู่ปริเวณไกล้กับเขา เขามาองชายแก่มองแล้วยิ้มให้กับเศรษฐีคนนั้น เขาก็เลยถามชายแก่นว่า “ตกปลามานานหรือยัง”เศรษฐีถาม ชายแก่ตอบว่า “ทั้งชีวีตครับ” แล้วถามต่อว่า “เป็นไงบ่างละรายได้ดีไหม” ชายแก่ตอบว่า “มีความสุขมากครับ” เศรษฐี ถึงกับ งง กับคำตอบของชายแก่ ชายแก่จึงบอกว่า “ขอโทษครับ ผมตกเบ็ดเพื่อหาปลาครับ ไม่ใช้หาเงิน” ชายแก่ตอบพร้อมกับพูดต่ออีกว่า เอาไปทำไมครับเงิน เศรษฐีตอบว่า “คนเรานี้หนาถ้ามีเงินมากๆ ก็มีความสุกนะสิ อยากได้อะไรก็ได้อยากชื่ออะไรก็ชื่อ” ชายแก่ บอกว่าผมไม่เห็นจำเป็นต้องมีเงินเลยนิครับ แต่ผมก็ยังมีความสุข
    และความสุขขอมผมคือการได้นั้งตกปลาอยู่อย่างนี่ทุกวัน คนจนตอบด้วยความยินดี หน้าตาสดใส ล้วเขาก็ถามต่อว่า แล้วคุณละตกปลาเพื่ออะไร เศรษฐี ตอบว่า ผมก็อยากมีความสุขบ่างนะสิ แล้วเศรษฐี ก็นั้งเงียบอยู่พักใหญ่เพราะเขากำลังคิดถึงแนวคิดแปลกๆๆ และไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแบบที่ชายแก่คนนี้พูด
    จากนั้นชายแก่กับเศรษฐีก็กลายเป็นเพื่อกัน
    แนคคิดที่ได้จากเรื่องนี้ดิฉันคิดว่าการที่เราจะมีความสุขที่แท้จริง บางที่มันอาจจะไม่ได้มาจากทรัพสินเงินทองมากมายแต่มันเป็นเพียงความสุขที่เกิดจาก ใจของเราต่างหายละที่สำคัญที่สุด

    ตอบลบ
  30. หนังสือชื่อ ธรรมะสบายใจ
    หนังสือที่ดิฉันได้อ่านชื่อหนังสือธรรมะสบายใจ มีหลายหัวข้อเรื่องมากมายที่ดิฉันได้อ่าน หนังสือเล่มนี้สอนในรื่องราวต่างๆมากมายหลายเรื่อง ที่เลือกอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะตัวเองเป็นคนคิดมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ จึงอยากให้ธรรมะช่วยทำให้จิตใจสบายลงรู้จักปล่อยวางในบางเรื่อง หนังสือเล่มนี้สอนคนในเรื่อง ความจริงของโลก วิธีการคิดที่ดีไม่ให้เกิดทุกข์ วิธีการหาความสุขแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย ไม่ต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียง อยู่อย่างคนธรรมดาก็มีความสุขมากพอ การปล่อยวางในบางเรื่องก็จะทำให้เราสบายใจมีความสุขไม่มีความกังวลใจอีก ใครที่ไม่เคยมีความสุขจงอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วจะเข้าใจว่าความจริงของโลกคนเรานั้นเป็นอย่างไร
    แต่ดิฉันจะยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่ดิฉันได้อ่านแล้วชอบประทับใจมากคือเรื่อง หยุดสักนิด คิดสักหน่อย จะนำมาเป็นตัวอย่างไว้ให้เป็นสติเตือนใจของหลายๆคน ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเรื่องไกล้ตัวเรามากอีกเรื่องหนึ่งเราอาจเคยมองข้าม แล้วกลับมาคิดย้อนหลัง คุณเคยสังเกตไหมว่า ธรรมชาติสร้างคนให้มีสองตา สองหู สองรูจมูก แต่กลับสร้างปากให้มีปากเดียว นั่นแสดงให้เห็นว่า ธรรมชาติต้องการให้คนใช้ปากน้อยกว่าอวัยวะอื่นๆ นั่นก็คือ ต้องการให้คนรู้จักพูดให้น้อย ฟังให้มาก และมีกลอนหนึ่งที่อาจารย์ จตุพล ชมภูนิช เคยกล่าวเอาไว้ ดังนี้
    จงคิดทุกคำที่พูด
    แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด
    เพราะถ้าพูดทุกคำที่คิด
    จะติดคุกทุกครั้งที่พูด
    มีคนเป็นจำนวนมากที่เป็นนักพูดความจริง แต่ต้องมาตายหรือเดือดร้อนเพราะความจริงที่ตัวเองพูด เราพูดกันอยู่ทุกวัน วันละหลายร้อยหลายพันคำ ทุกคำพูดที่หลุดออกจากปากมีทั้งคำพูดที่ดีและไม่ดี แต่นี่ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าคำพูดที่หลุดออกจากปากของเราไปแล้วเราเรียกคืนไม่ได้ ฐานที่คำพูดกระทบก็คือ “หู”
    ของคนฟัง แต่สิ่งที่หน้าที่รับผลโดยตรงต่อคำพูดที่ได้ยินได้ฟังกลับไม่ใช่หูหากแต่คือ”ใจ” ความเคืองนั้นไม่ได้เกิดที่หู ที่เกิดที่ใจของผู้ฟังนั่นเอง อย่างในตัวอย่างต่อไปนี้
    น้อยอายุ 14 ปี เป็นเด็กกำพร้าพ่อ แต่ก็ไม่ย่อท้อกับชะตากรรมน้อยจึงออกจากบ้านไปทำงานที่โรงงานในกรุงเทพ ที่โรงงานน้อยไม่มีใครรู้ว่าน้อยเป็นเด็กกำพร้ายกเว้นแต่ น.ส สมพร เป็นคนจังหวัดเดียวกันเท่านั้นที่รู้ ความเป็นเด็กกำพร้าพ่อคือ “ปมด้อย” ที่เขาเองต้องการปกปิด แต่เพื่อนรุ่นพี่
    น.ส. สมพร ก็ไม่เข้าใจเธอกลับเห็นปมด้อยมาล้อน้อยเป็นที่สนุกปาก น้อยนั้นครั้งใดที่ได้ยินถ้อยคำตอกย้ำน้อยเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยของมีคม วันหนึ่งคนงานหยุดสงกรานต์ น้อยเข้าไปหาสมพร ในห้องแล้วปรับความเข้าใจ และให้สมพรเลิกพฤติกรรมแบบนี้อีก สมพรสวนขึ้นมาทันที “แล้วที่ตัวเองไม่มีพ่อเป็นเรื่องจริงไหมล่ะ”น้อยคว้ามีดที่ห้องครัวมาเชือดคอสมพรตาย น้อยรีบหนีทันต่อมาตำรวจจึงจับตัวได้ (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)ก่อนพูดทุกครั้งและทุกคำจึงควรคิดให้รอบคอบสักหน่อยเพราะชีวิตของคนพูดและคนฟังบางคราวก็เปลี่ยนแปลงพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อได้เพียงเพราะคำพูดที่หลุดออกจากปากไม่กี่คำเท่านั้นเอง












    สิ่งที่ได้จากการอ่านหนัง ธรรมะสบายใจ
    สิ่งที่ดิฉันได้จากหนังสือเล่มนี้ คือดิฉันก็ชอบอ่านหนังสือแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อดิฉันอ่านดิฉันได้รู้จักวิธีการหาความสุขแบบธรรมดาไม่ต้องมีเงินทองมากมาย ไม่ต้องมียศถาบันดาศักดิ์สูง ก็มีความสุขได้ มันทำให้ดิฉันไม่อยากขวานขวายเอาสิ่งของที่ทันสมัยใหม่ๆ อย่างเช่น ก่อนหน้านี้ ฉันจะเก็บเงินซื้อกล้อง แบบกันน้ำพิเศษ ซึ่งมีราคาแพง ยี่ห้อดีๆ พอดิฉันได้อ่านหนังสือแล้ว ดิฉันเลยคิดได้ทันทีว่าอยู่แบบธรรมดาก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหาภาระมาใส่ตัว คนที่เขาไม่มีอะไรเขายังอยู่ได้และอีกความคิดหนึ่งที่วิ่งเข้ามาในสมองคือ คนที่เขาไม่มีกว่าเรายังมีอีกมากมาย คนที่เขาไม่มีบางคนมีแต่เสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ย เขายังมีความสุขได้เลย นี่ก็เป็นการหาความสุขแบบง่ายๆ เพราะความสุขมันอยู่ที่ใจเราเอง ไม่ได้อยู่ที่สิ่งของภายนอกกาย และสอนให้ดิฉันเรื่องการพูดจา ทำให้ดิฉันเป็นคนคิดก่อนพูดทุกครั้งและที่จะฟังคนอื่น ให้มากว่าเป็นผู้พูด แต่ก่อนนี้ดิฉันยอมรับว่า พูดไม่เพราะกับเพื่อนบ่อยๆบางครั้งก็เป็นคนพูดไม่คิด แต่ตอนนี้ถ้าดิฉันเผลอพูดไม่เพราะกับเพื่อน ดิฉันก็จะขอโทษเพื่อนทุกครั้ง อีกอย่างทำให้ดิฉันเลิกเป็นคนคิดมาก และรู้จักปล่อยวางบ้าง สุดท้ายทำให้ดิฉันเข้าใจความจริงของโลก ว่าจริงแล้วคนเรานั้นเป็นอย่างไร

    ตอบลบ